ในเดือนพฤศจิกายนนี้ สหรัฐฯจะกลับมาเปิดต้อนรับนักเดินทางสัญจรทางอากาศจาก 33 ประเทศอีกครั้ง ในนั้นรวมถึง จีน อินเดีย บราซิล และส่วนใหญ่ของยุโรป หากบุคคลนั้นๆฉีดวัคซีนครบแล้ว จากการเปิดเผยของทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์(20ก.ย.) ความเคลื่อนไหวผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการเดินอันเข้มข้น ที่เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่ตัดสินใจว่ามีวัคซีนตัวไหนบ้างที่ผ่านคุณสมบัติ
การตัดสินใจครั้งนี้ซึ่งแถลงโดย เจฟฟ์ เซียนท์ ผู้ประสานงานตอบสนองโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของทำเนียบขาว ถือเป็นการกลับลำฉับพลันของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลเพิ่งระบุว่ายังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะยกเลิกข้อจำกัดใดๆท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สหรัฐฯล้าหลังประเทศอื่นๆหลายชาติในการยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ และพันธมิตรอย่างเช่นสหราชอาณาจักรและเยอรมนีแสดงความยินดีต่อความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทั้งนี้ข้อจำกัดของอเมริกาเป็นการแบนนักเดินทางเกือบทั้งหมดจากทั่วโลกที่อยู่ในบัญชีต้องห้าม ในนั้นรวมถึงพลเมืองต่างชาติหลายหมื่นคนที่มีญาติๆหรือความเกี่ยวข้องกับธุรกิจต่างๆในสหรัฐฯ
ข้อจำกัดสำหรับพลเมืองที่ไม่ใช่ชาวสหรัฐฯถูกบังคับใช้เป็นครั้งแรกกับผู้สัญจรทางอากาศมาจากจีนในเดือนมกราคม 2020 โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ณ ขณะนั้น จากนั้นมีการขยายขอบเขตครอบคลุมประเทศอื่นๆอีกหลายสิบชาติ โดยปราศจากข้อบ่งชี้ว่าจะยกเลิกมาตรการนี้เมื่อไหร่และอย่างไร
ถ้อยแถลงระบุว่าสหรัฐฯจะเปิดต้อนรับนักเดินทางทางอากาศที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว จาก 26 ชาติสมาชิกเชงเกนในยุโรป ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน สวิตเซอร์แลนด์และกรีซ เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ อิหร่านและบราซิล ขณะที่นโยบายปัจจุบันนั้นห้ามพลเมืองที่ไม่ใช่ชาวสหรัฐฯ ที่พำนักในประเทศเหล่านี้ในช่วง 14 วันหลังสุด เดินทางเข้าประเทศ
ไซเอนท์ส ไม่ได้ระบุวันเวลาที่แน่ชัดสำหรับการเริ่มผ่อนปรนข้อจำกัด โดยเพียงแต่บอกว่า "ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน"
แม้สหรัฐฯอนุญาตให้ผู้สัญจรทางอากาศต่างชาติมากกว่า 150 ประเทศ เดินทางเข้าออกตลอดช่วงเวลาของโรคระบาดใหญ่ แต่ความเคลื่อนไหวในวันจันทร์(20ก.ย.) นั่นหมายความว่าเวลานี้ข้อบังคับใหม่ด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะบังคับใช้กับชาวต่างชาติเกือบทุกคนที่บินเข้าสู่สหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงบุคคลซึ่งมาจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ชาวต่างชาติต้องแสดงเอกสารพิสูจน์ผ่านการฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง และไม่จำเป็นต้องเข้ารับการกักกันโรคเมื่อเดือนทางมาถึง อย่างไรก็ตามนโยบายนี้มีข้อยกเว้นสำหรับเด็กอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ฉีดวัคซีน
ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์มองว่ามาตรการด้านการเดินทางของสหรัฐฯไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป เพราะว่าบางประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ไม่อยู่ในบัญชีประเทศที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัด ส่วนบางประเทศที่อยู่ในรายชื่อกลับควบคุมโรคระบาดใหญ่ได้ดีกว่า
สำหรับนักเดินทางชาวสหรัฐฯที่กลับมาจากต่างแดนและยังไม่ฉีดวัคซีน จะเผชิญกฎระเบียบต่างๆเข้มข้นกว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ในนั้นรวมถึงจำเป็นต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบภายใน 1 วันก่อนเดินทาง และแสดงข้อพิสูจน์ว่าได้จัดซื้อชุดตรวจไวรัสหลังจากเดินทางมาถึงแล้ว
ข้อจำกัดและคำสั่งแบนด้านการเดินทางทางอากาศที่กำหนดโดยประเทศต่างๆ ในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการเดินทางระหว่างประเทศและการท่องเที่ยว และทุบอุตสาหกรรมการบินได้รับความเสียหายย่อยยับ
โรเจอร์ ดาว ซีอีโอ ของสมาคมท่องเที่ยวสหรัฐฯ ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้น “คือจุดเปลี่ยนสำคัญในแผนงานจัดการไวรัส และจะช่วยเร่งการฟื้นตัวของตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจำนวนหลายล้านตำแหน่ง ซึ่งหดหายไปเนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ”
ส่วนนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ แสดงความยินดีต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเดินทางของรัฐบาลกรุงวอชิงตัน พร้อมกล่าวว่า นักเดินทางต่างชาติน่าจะสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ก่อนเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าในปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐบาลกลางจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าวัคซีนตัวไหนบ้างจะเป็นที่ต้อนรับ ในนั้นจะรวมถึงบรรดาวัคซีนที่ไม่ได้รับอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียของสหรัฐฯด้วยหรือไม่
สมาคมท่องเที่ยวสหรัฐฯเคยประมาณการว่าข้อจำกัดต่างๆของอเมริกา ถ้ายืดเยื้อนานจนถึงช่วงสิ้นปี จะก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจอเมริกา 325,000 ล้านดอลอลาร์และกระทบตำแหน่งงาน 1.1 ล้านตำแหน่ง
สายการบินต่างๆพยายามล็อบบี้ทำเนียบขาวอย่างหนักสำหรับยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีการยกเลิกข้อจำกัดในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา
ในเดือนมกราคม ทรัมป์เคยออกคำสั่งยกเลิกข้อจำกัด 27 ชาติยุโรป แต่ถูกขัดขวางโดย ไบเดน ก่อนมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ ไบเดน ยังเพิ่มรายชื่อ อินเดียและแอฟริกาใต้ เข้าไปในบัญชีด้วย
เจฟฟ์ เซียนท์ ผู้ประสานงานทีมงานรับมือโคโรนาไวรัสประจำทำเนียบขาว ยืนยันว่า นโยบายใหม่นี้ “อ้างอิงที่ข้อมูลตัวบุคคล มากกว่าการพิจารณาดูประเทศที่เพิ่งเดินทางออกมา และเป็นระบบที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่า”
(ที่มา:รอยเตอร์/วอยซ์ออฟอเมริกา)