เอพี - โลกรำลึกครบรอบ 20 ปี วินาศกรรม 9/11 อย่างเคร่งขรึมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (11 ก.ย.) หรือเพียงไม่กี่วันหลังปิดฉากสงครามอัฟกานิสถานที่เริ่มต้นขึ้นเพื่อล้างแค้นการโจมตีเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน และจบลงด้วยการที่วอชิงตันต้องกลับมากังวลอีกครั้งว่า อัล-กออิดะห์ เครือข่ายก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลัง 9/11 อาจฟื้นคืนชีพในอัฟกานิสถาน
ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและประธานาธิบดีสหรัฐฯ 4 คน ร่วมพิธีรำลึกในสถานที่ต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายการโจมตีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 โดยเฉพาะที่ตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ที่มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 คน และถือเป็นวินาศกรรมที่สร้างความสูญเสียมากที่สุดที่เกิดขึ้นในอเมริกา
นอกจากนั้น ยังมีพิธีรำลึกที่พอร์ตแลนด์ เมน กวม และโครงการอาสาสมัครต่างๆ อีกหลายแห่ง ขณะที่ผู้นำต่างชาติร่วมรำลึกในเหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นในอเมริกาแต่มีผู้เสียชีวิตจากกว่า 90 ประเทศ
ในวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อคืนวันศุกร์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศระหว่างเดินทางไปยังโครงการอาสาสามัครดับเพลิง หลังไปวางพวงหรีดในสถานที่ที่เครื่องบินที่ถูกจี้ลำหนึ่งตกในวินาศกรรม 9/11 ใกล้แชงค์สวิลล์ รัฐเพนซิลเวเนีย ว่า ความเป็นเอกภาพคือความแข็งแกร่งที่สุดของอเมริกา และเป็นสิ่งที่จะส่งผลต่อภาวะความเป็นอยู่ที่ดีของอเมริกันชนมากกว่าสิ่งใดๆ หลังจากนั้น ไบเดนเดินทางไปยังเพนตากอน ซึ่งเป็นจุดที่ 3 ที่ถูกโจมตี
พิธีรำลึกนี้จัดขึ้นท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดและควันหลงจากเหตุการณ์ที่อเมริกาถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งขณะนี้ตกอยู่ใต้อำนาจตอลิบานที่เคยให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้ายในวินาศกรรม 9/11 เมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว
บรูซ สปริงส์ทีน ร็อกเกอร์ชื่อดัง รวมทั้งนักแสดงบรอดเวย์ เคลลี โอฮารา และคริส แจ็คสัน ร่วมร้องเพลงรำลึก ซึ่งโดยธรรมเนียมแล้วพิธีนี้จะไม่มีนักการเมืองขึ้นปราศรัย
ที่เพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นจุดตกของเครื่องบินอีกลำที่ผู้โดยสารและลูกเรือช่วยกันต่อสู้และสามารถกลับเข้าควบคุมเครื่องบินที่เชื่อว่า ถูกจี้เพื่อบังคับพุ่งชนอาคารรัฐสภาหรือทำเนียบขาวนั้น จอร์จ ดับเบิลยู.บุช ประธานาธิบดีที่รับตำแหน่งในขณะนั้น กล่าวว่า 9/11 แสดงให้เห็นว่า อเมริกันชนสามารถร่วมมือร่วมใจแม้มีความคิดเห็นต่างกันก็ตาม
ทางด้านอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมพิธีรำลึกที่สถานีตำรวจและสถานีดับเพลิงในนิวยอร์ก โดยกล่าวยกย่องความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ที่รับมือเหตุฉุกเฉิน และถือโอกาสวิจารณ์ไบเดนเรื่องการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานว่า เป็นการไร้ความสามารถขั้นรุนแรง
เหตุวินาศกรรม 9/11 เป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งความหวาดกลัว สงคราม ลัทธิชาตินิยม และการแบ่งขั้วการเมือง นอกจากนั้น ยังทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนด้านความมั่นคง การตรวจตราในสนามบิน แนวทางปฏิบัติของตำรวจ และอำนาจในการสอดแนมของรัฐบาล
“สงครามต่อต้านการก่อการร้าย” นำไปสู่การรุกรานอิรักและอัฟกานิสถานที่ถือเป็นสงครามยาวนานที่สุดของอเมริกาและเพิ่งสิ้นสุดลงอย่างรีบเร่งเมื่อเดือนที่แล้ว ด้วยการอพยพคนครั้งใหญ่ที่ถูกขัดขวางด้วยระเบิดฆ่าตัวตายด้านนอกสนามบินคาบูล ทำให้ชาวอัฟกันเสียชีวิต 169 คน และทหารอเมริกันอีก 13 นาย จากฝีมือกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
และขณะนี้ อเมริกากำลังกังวลว่า อัล-กออิดะห์ เครือข่ายก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังวินาศกรรม 9/11 อาจฟื้นคืนชีพในอัฟกานิสถานที่ธงตอลิบานโบกสะบัดเหนือทำเนียบประธานาธิบดีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
หลังจากช่วยคัดกรองและรักษาเพื่อนร่วมงานในเพนตากอนมา 2 ทศวรรษ พ.อ.มัลคอล์ม บรูซ เวสต์คอตต์ นายทหารปลดเกษียณจากกองทัพบกสหรัฐฯ บอกว่า รู้สึกเศร้าและผิดหวัง เพราะเคยคิดมาตลอดว่า ทหารรุ่นเขาจะถอนรากถอนโคนภัยคุกคามจากการก่อการร้ายให้หมดไปจากอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ที่กราวด์ซีโร่ อนุสรณ์สถานรำลึกเหตุการณ์ 9/11 เมลิสสา พูลลิส หนึ่งในสมาชิกครอบครัวผู้เสียชีวิต กล่าวขอบคุณทหารที่ไปรบในอัฟกานิสถาน และทิ้งท้ายว่า ดีใจมากที่ในที่สุดทหารทุกนายได้กลับบ้านแล้ว