สหรัฐฯ และบรรดาชาติตะวันตกแจ้งเตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงหรือรีบเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด การ์ไซ ในกรุงคาบูลทันทีวันนี้ (26 ส.ค.) หลังมีสัญญาณเตือนว่ากลุ่มก่อการร้ายอาจวางแผนโจมตีในช่วงที่ประชาชนนับหมื่นๆ คนพยายามหาเที่ยวบินอพยพหนีออกจากอัฟกานิสถาน
รัฐบาลสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรได้แจ้งเตือนความเสี่ยงขั้นสูงสุด และแนะนำพลเมืองของตนไม่ให้เดินทางไปยังสนามบินคาบูลในช่วงเวลานี้
“ผู้ที่อยู่บริเวณประตู Abbey Gate, East Gate และ North Gate ขอให้เดินทางออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในคำแจ้งเตือนซึ่งมีการอ้างถึง “ภัยคุกคาม” ที่ไม่ระบุชัดเจนว่าหมายถึงอะไร
กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียแจ้งไปยังพลเมืองในกรุงคาบูลว่า “มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดเหตุโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้าย” และย้ำว่า “อย่าเดินทางไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติ ฮามิด การ์ไซ หากท่านอยู่ในบริเวณสนามบินแล้ว ขอให้รีบออกมายังสถานที่ที่ปลอดภัย และรอฟังคำแนะนำเพิ่มเติม”
รัฐบาลอังกฤษได้ออกประกาศเตือนคล้ายๆ กัน แต่มีข้อความเสริมว่า “หากท่านสามารถเดินทางออกจากอัฟกานิสถานได้อย่างปลอดภัยด้วยช่องทางอื่นๆ ขอให้รีบทำในทันที”
จนถึงขณะนี้มีชาวอัฟกันและชาวต่างชาติเกือบ 90,000 คนที่เดินทางออกจากอัฟกานิสถานด้วยเครื่องบินอพยพของสหรัฐฯ นับตั้งแต่กลุ่มตอลิบานบุกถึงกรุงคาบูลและยึดอำนาจการปกครองอัฟกานิสถานได้อย่างเบ็ดเสร็จเมื่อวันที่ 15 ส.ค.
ประชาชนนับหมื่นๆ คนที่ไปรวมตัวกันทั้งด้านในและด้านนอกสนามบินคาบูลเริ่มวิตกกังวลว่าตนและครอบครัวจะมีโอกาสอพยพหนีภัยตอลิบานหรือไม่ เนื่องจากบางประเทศเริ่มมีการระงับเที่ยวบินก่อนถึงวันที่ 31 ส.ค. ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายที่สหรัฐฯ จะยุติการอพยพ และถอนกำลังพลทั้งหมดออกจากอัฟกานิสถาน
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ยืนกรานที่จะถอนทหารตามกำหนดเดิม โดยหนึ่งในเหตุผลสำคัญก็คือ ความเสี่ยงที่ทหารอเมริกันจะตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส)
เครือข่ายนักรบไอเอสในอัฟกานิสถาน-ปากีสถานอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีหลายครั้งที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมีการเข่นฆ่าพลเรือนไม่ว่าจะในมัสยิด ศาสนสถาน จัตุรัสใจกลางเมือง หรือแม้กระทั่งในโรงพยาบาล
นักรบหัวรุนแรงเหล่านี้ยังพุ่งเป้าโจมตีมุสลิมกลุ่มน้อยที่พวกเขามองว่าเป็นคนนอกศาสนา รวมถึงชาวชีอะห์
แม้ว่าไอเอสและตอลิบานจะเป็นขบวนการอิสลามิสต์นิกายสุหนี่เหมือนกัน ทว่าทั้ง 2 กลุ่มกลับมองอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งและต่อต้านกันเอง
ตอลิบานให้สัญญาว่าจะบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์แบบยืดหยุ่นมากขึ้น และให้สิทธิเสรีภาพแก่ผู้หญิงภายใต้กรอบศาสนาอิสลาม แต่ถึงกระนั้นชาวอัฟกันจำนวนมากก็ยังกลัวว่าท้ายที่สุดแล้วตอลิบานจะนำหลักการศาสนาที่ถูกตีความแบบสุดโต่งเกินไปมาใช้ และติดตามล้างแค้นคนที่เคยทำงานให้ชาติตะวันตก
ที่มา : เอเอฟพี