รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาเตือนถึง “ผลลัพธ์ร้ายแรง” ที่จะตามมา หลังศาลเกาหลีใต้มีคำสั่งยึดวงเงินที่บริษัทโสมขาวค้างจ่ายต่อมิตซูบิชิ เฮฟวีส์ อินดัสตรีส์ เอาไปชดเชยให้แก่เหยื่อบังคับใช้แรงงานในช่วงสงคราม
ศาลเกาหลีใต้มีคำพิพากษาวานนี้ (18 ส.ค.) ว่า วงเงิน 850 ล้านวอน (ราว 24 ล้านบาท) ที่บริษัทในเกาหลีใต้ยังค้างชำระต่อมิตซูบิชิ เฮฟวี อาจถูกยึด และนำไปจ่ายเป็นค่าชดเชยเยียวยาให้แก่เหยื่อที่ถูกญี่ปุ่นบังคับใช้แรงงานระหว่างยึดครองคาบสมุทรเกาหลี
“หากเงินจำนวนนี้ถูกนำไปจ่ายชดเชยจริง จะทำให้ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ยิ่งเลวร้ายลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง” คัตสึโนบุ คาโตะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
“เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้ความพยายามมากขึ้นในการแสวงหาทางออกที่ญี่ปุ่นจะรับได้”
ทั้ง 2 ชาติมีความบาดหมางกันมาอย่างยาวนานเรื่องการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ชาวเกาหลีที่ถูกบริษัทและกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเกณฑ์ไปใช้แรงงานทาสในช่วงระหว่างปี 1910-1945
โฆษก มิตซูบิชิ เฮฟวี ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้ โดยระบุว่า ทางบริษัทกำลังตรวจสอบรายละเอียดในคำพิพากษาของศาลเกาหลีใต้
ก่อนหน้านี้ ศาลเกาหลีใต้ก็เคยมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของมิตซูบิชิ ในเกาหลีใต้ เพื่อนำไปจ่ายชดเชยให้แก่เหยื่อบังคับใช้แรงงาน
เมื่อปี 2018 ศาลสูงสุดเกาหลีใต้ได้มีคำสั่งให้ มิตซูบิชิ เฮฟวี ต้องจ่ายเงินชดเชยแก่ชาวเกาหลีที่ถูกบังคับใช้แรงงานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นคำพิพากษาประวัติศาสตร์ที่เรียกเสียงประณามอย่างรุนแรงจากฝั่งญี่ปุ่น
รัฐบาลญี่ปุ่นอ้างว่า ได้ตกลงยุติข้อพิพาทกับเกาหลีใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติในปี 1965 โดยโตเกียวได้ให้ทั้งเงินกู้และแพกเกจช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่เกาหลีใต้ รวมมูลค่าประมาณ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินก้อนนี้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนแดนโสมขาวให้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ
ที่มา : รอยเตอร์