เมื่อเกาหลีใต้ร้องจะเอา “เกาะทสึชิมะ” ของจังหวัดนางาซากิมาเป็นดินแดนของตัวเอง

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน หากยังจำกันได้ว่าผู้เขียนเคยพูดถึงเรื่องหมู่เกาะเช็นคาคุ ซึ่งญี่ปุ่นมีเรื่องกับจีนและไต้หวันว่าใครถือเจ้าของ และผู้อ่านก็อาจจะเคยได้ยินเรื่องพิพาทระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นอีก เรื่องเกาะด็อกโด (หรือ เกาะทาเคะชิมะ 竹島) คราวนี้มีเรื่องแบบนี้โผล่มาอีกเกาะแล้วครับ อยู่ในเขตปกครองของจังหวัดนางาซากิเสียด้วย เรื่องจะเป็นอย่างไรมาดูกันเลยครับ

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา นายอีจองอึน ประธานสภาเมืองกงจู (公州) ของเกาหลีใต้ ได้ส่งจดหมายทางไปรษณีย์ด่วน EMS จ่าหน้าซองถึงนายฮัตสึมูระ คุโซ ประธานสภาเมืองทสึชิมะ เพื่อเร่งรัดให้คืน “เกาะแดมา” (対馬島 แดมาโด) ซึ่งญี่ปุ่นเรียกมันว่า เกาะทสึชิมะ (対馬島 ทสึชิมะโต) และก็เป็นที่ตั้งของเมืองทสึชิมะซึ่งอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดนางาซากิ


ทำไมเกาหลีใต้ถึงคิดว่ามันต้องเป็นของเขา?

เรื่องนี้เราควรมาดูประวัติความเป็นมากันก่อนครับ

เกาะทสึชิมะนั้น เป็นเกาะที่มีคนอาศัยอยู่มาแต่ยุคโบราณมาแล้ว มีร่องรอยอารยธรรมยุคหินใหม่ (วัฒนธรรมยุคโจมอน 縄文文化 ของญี่ปุ่น) อย่างเครื่องมือหินและเครื่องปั้นดินเผา ทั้งยังปรากฏชื่อเกาะทสึชิมะ (「対馬洲」หรือ「対馬島」) ในหนังสือ “นิฮนโชกิ” (日本書紀) ในเนื้อหาว่าด้วยตำนานกำเนิดประเทศญี่ปุ่น และปรากฏว่าในยุคอาณาจักรยามาโตะ มีการใช้เกาะทสึชิมะเป็นที่พักรวมพลทหารก่อนจะยกพลไปตีคาบสมุทรเกาหลี พูดง่ายๆ ก็คือเกาะนี้เป็นพื้นที่ของญี่ปุ่นมาแต่ยุคอาณาจักรโบราณแล้ว เป็นเมืองท่าที่พักเรือชั่วคราวก่อนจะแล่นเรือไปยังคาบสมุทรเกาหลี พอยุคต่อมาก็ยังเคยถูกอาณาจักรหยวนรุกรานมาแล้วด้วย (พวกมองโกล กุบไลข่าน โดยมีทัพโคเรียว (高麗) คือเกาหลีโบราณร่วมด้วย เรื่องราวประวัติศาสตร์ตรงนี้ได้ถูกนำไปทำเป็นเกม Ghost of Tsushima ด้วยนะครับ—ผู้เขียน) เรียกว่าเป็นเกาะที่มีชื่ออยู่ในความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ สงคราม การรุกราน ระหว่างอาณาจักรญี่ปุ่นกับคาบสมุทรเกาหลีมาตลอดทุกยุคสมัยแต่ยุคโบราณ ยาวมาถึงยุคเซนโกกุเลยทีเดียว ในยุคเอโดะ พื้นที่เกาะทสึชิมะนั้นเรียกว่า ทสึชิมะโนะคุนิ (対馬国) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นทสึชิมะฟุจู ( 対馬府中藩) ตามระบบการแบ่งเขตปกครองในยุคนั้น จนมาปลายยุคเอโดะ เมืองอิซึฮาระ (厳原) บนเกาะทสึชิมะถูกบังคับให้เปิดท่าเรือเพื่อการค้ากับอังกฤษและอเมริกา ซึ่งภายหลังเมืองอิซึฮาระก็ได้ถูกควบรวมกับเมืองอื่นๆ บนเกาะทสึชิมะแล้วกลายเป็นเมืองทสึชิมะอย่างปัจจุบัน



เกาหลีอาศัยอะไรมาอ้างว่าเป็น “ดินแดนของตัวเอง”?

มันเริ่มต้นจากการที่เกาหลี (ใต้) หยิบยกประวัติศาสตร์ตอนที่ แม่ทัพอีจองมู (李従茂) แห่งโซชอน ยกทัพไปตีเกาะทสึชิมะ (โดยบอกว่าเพื่อกวาดล้างฐานที่มั่นของโจรสลัดวาโค 倭寇) เมื่อปีที่ 26 แห่งศักราชโอเอย์ (応永) ในยุคมุโรมาจิ (ตรงกับปี 1419) ขึ้นมาเป็นประเด็น ซึ่งเป็นการยกประเด็นนี้มาเล่นเพื่อ “ตีวัวกระทบคราด” กับการที่ญี่ปุ่นอ้างอธิปไตยเหนือเกาะทาเคะชิมะ ประมาณว่า ในเมื่อญี่ปุ่นอ้างอธิปไตยเหนือเกาะทาเคะชิมะจนขนาดกำหนดให้มี “วันทาเคะชิมะ” ได้ เกาหลี (ใต้) ก็ตั้ง “วันแดมาโด” เพื่อเคลมว่าเกาะทสึชิมะเป็นของตัวเองได้เหมือนกัน! โดยกำหนดให้เป็นวันที่ 19 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันแดมาโด” (對馬島의 날 แดมาโด อี นัล)

ช่างเป็นวิธีคิดวิธีทำที่สมเป็นเกาหลีเหลือเกิน!

การกล่าวอ้างเช่นนี้มีขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง นายอีซึงมัน (李承晩) ประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ได้กล่าวว่าญี่ปุ่น “ได้ใช้กำลังยึดเอาเกาะแดมาโด เมื่อครั้งสมัยที่โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ยาตราทัพรุกรายคาบสมุทรเกาหลี” “ญี่ปุ่นซึ่งยึดครองเกาะแดมาโดอย่างมิชอบด้วยกฎหมายในช่วงทศวรรษ 1870 สมควรคืนให้แก่เกาหลีใต้ตามปฏิญญาพ็อทซ์ดัม” (ในฐานะที่ญี่ปุ่นยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร—ผู้เขียน) ซึ่งการเรียกร้องจะเอาคืนทั้งเกาะทสึชิมะและเกาะทาเคะชิมะได้ถูกทางกองบัญชาการใหญ่กองกำลังสัมพันธมิตร (GHQ) ตีตกไปเมื่อเดือนสิงหาคม 1951 แต่เกาหลียังไงก็ยังเป็นเกาหลี ในเมื่อ GHQ ไม่ยอมรับเรื่อง ปีต่อมา 1952 ก็ลากเส้นเขตแดนน่านน้ำของตนเองเอาเสียเลยโดยขีดเอาเกาะทาเคะชิมะเข้ามาอยู่ในน่านน้ำตัวเองเสียอย่างนั้น?

อย่างไรก็ดี การกำหนด “วันแดมาโด” นั้นเพิ่งมีขึ้นในปี 2005 นี้เอง โดยสภาเทศบาลเมืองมาซาน (馬山市) ได้นำญัตติเรื่องวันแดมาโดขึ้นมาในที่ประชุมและมีเสียงสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ได้ขอให้ทางเมืองมาซาน “เบรค” เรื่องนี้ โดยแถลงว่า “มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดข้ออภิปรายที่ไม่จำเป็น” ส่วนประธานสภาเมืองทสึชิมะในขณะนั้นคือนายฮาดะ มาซาคาซุ ได้เรียกร้องให้เมืองมาซานเลิกล้ม “วันแดมาโด” ในปี 2006 แต่ทางเมืองมาซานกลับตอบว่า “ไม่มีค่าจะให้ทำตาม” ซึ่งแม้ตอนหลังเมืองมาซานจะถูกควบรวมกับเมืองชางวอนและเมืองจินแฮ “วันแดมาโด” ก็ยังคงมีอยู่ นอกจากนี้เกาหลีใต้ยังหาทาง “แซะ” ด้วยการเอานายทุนเกาหลีมากว้านซื้อที่ดินบนเกาะ โดยอ้างว่าเพื่อ “พัฒนาการท่องเที่ยว” ที่ร้ายก็คือไปซื้อที่ดินรอบฐานทัพของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเสียด้วย!


ถ้าดูจากการกระทำเรื่องพันธุ์สตรอเบอร์รี่แล้ว บอกตรงๆ ผมไม่แปลกใจ แต่ที่เหลือญี่ปุ่นจะทำอย่างไรเพื่อรักษาอธิปไตย รักษาถิ่นที่อยู่ของประชากรของญี่ปุ่นนั้น ก็เป็นสิ่งที่จะต้องดูชมกันต่อไปครับ

ที่มา : Anngle Thailand