xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกาผวา ‘เดลตา’ ระบาดหนักทุบหุ้นวอลล์สตรีทร่วง ขณะผลวิจัยใหม่ชี้เหยื่อโควิดอินเดียน่าจะสูงถึง 4 ล้านคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บุคลากรทางการแพทย์เก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกของสตรีผู้หนึ่ง เพื่อนำไปทดสอบว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ที่เมืองนอร์ทไมอามี รัฐฟลอริดา (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 15 ก.ค.2021)
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่กลับพุ่งขึ้นอีกครั้งทั่วอเมริกาและในอีกหลายประเทศ จุดชนวนความหวาดกลัวว่า วิกฤตโรคระบาดกำลังกลับมาอีกรอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสายพันธุ์เดลตา และผลักดันให้นักลงทุนในวอลล์สตรีทเทขายหุ้น ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง ผลศึกษาฉบับใหม่ซึ่งเผยแพร่วันอังคาร (20 ก.ค.) ชี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอินเดียอาจสูงถึง 4 ล้านคน หรือมากกว่าตัวเลขของทางการ 10 เท่า ถือเป็นโศกนาฏกรรมของมนุษยชาติที่เลวร้ายที่สุดของแดนภารตะ

การที่ไวรัสโคโรนากลับมาระบาดระลอกใหม่ในหลายพื้นที่ซึ่งมีจำนวนผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่ำของอเมริกา กระตุ้นให้เหล่าผู้นำทางการเมืองต้องออกมารณรงค์ให้อเมริกันชนที่ยังลังเลรีบเข้ารับการฉีดวัคซีน

ในวันจันทร์ (19) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกระหว่างการปราศรัยว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยึดโยงอยู่กับความสามารถในการควบคุมโรคระบาด พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนทันที

วันดียวกันนั้น ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นของสหรัฐฯ ตัดสินว่า มหาวิทยาลัยอินดีแอนา มีสิทธิกำหนดให้นักศึกษาและลูกจ้างพนักงานต้องรับการฉีดวัคซีน เห็นกันว่าคำพิพากษานี้อาจเป็นการปูทางไปสู่การที่โรงเรียนหรือสถานประกอบธุรกิจออกคำสั่งให้ฉีดวัคซีน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่คดีนี้จะมีการอุทธรณ์และต่อสู้ไปจนถึงขั้นศาลสูงสุด

ข้อมูลของรอยเตอร์ระบุว่า จำนวนผู้ติดโควิดเฉลี่ยต่อวันในอเมริกาเพิ่มขึ้น 3 เท่าในรอบ 30 วันที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 32,136 คนเมื่อวันอาทิตย์ (18) ขณะที่จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเฉลี่ยในช่วงเดียวกันเพิ่มขึ้น 21% เป็นกว่า 19,000 คนต่อวัน และยอดผู้เสียชีวิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 25% เป็นวันละ 250 คน

นักลงทุนในวอลล์สตรีทพากันกังวลว่า การระบาดระลอกใหม่อาจทำให้รัฐบาลทั้งระดับรัฐและท้องถิ่นต้องฟื้นมาตรการล็อกดาวน์และปิดธุรกิจ หลังจากชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องตกงานและธุรกิจขนาดเล็กปิดตัวกันระนาวจากการล็อกดาวน์เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้มีการเทขายหุ้นล็อตใหญ่จากทุกกลุ่ม

ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันจันทร์โดยลดลง 2.1% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 หล่นลงมา 1.6% และดัชนีแนคแดกคอมโพสิตติดลบ 1.1%

ทั้งนี้ ขณะนี้เทศมณฑลลอสแองเจลิสกลับมาสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากขณะอยู่ในอาคารแล้ว หลังจากยอดผู้ติดเชื้อในแถบตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียพุ่งขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี บิลล์ เดอ บลาสิโอ นายกเทศมนตรีนิวยอร์กซิตี แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า ไม่มีแผนฟื้นคำสั่งสวมหน้ากากแม้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่จะเพิ่มความพยายามในการรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนแทน

ผลวิจัยใหม่อินเดียสุดสะพรึง

ขณะเดียวกัน ที่อินเดียซึ่งพบสายพันธุ์เดลตาครั้งแรกนั้น มีการเปิดเผยผลการศึกษาชิ้นใหม่ที่ระบุว่า เมื่อพิจารณาจากอัตราการตายที่สูงกว่าปกติมากของประเทศนี้ในระหว่างช่วงวิกฤตโควิด มีความเป็นไปได้ที่ยอดผู้เสียชีวิตจริงๆ จากโรคระบาดใหญ่นี้อาจสูงกว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการถึง 10 เท่าตัว

ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อกันว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดอย่างเป็นทางการของอินเดียซึ่งอยู่ที่มากกว่า 414,000 คนนั้นต่ำกว่าความเป็นจริง ขณะที่รัฐบาลตอบโต้ว่าเป็นความสงสัยที่เกินเหตุและชักนำไปในทางที่ผิด

ทว่า รายงานการศึกษาที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (20) ประเมินว่า อัตราการตายส่วนที่เกินขึ้นมา ซึ่งหมายถึงส่วนต่างระหว่างจำนวนผู้เสียชีวิตที่ได้รับการบันทึก กับตัวเลขผู้เสียชีวิตที่พึงได้รับการคาดหมาย อยู่ในระดับ 3 ล้าน-4.7 ล้านคนทีเดียว ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2020 ถึงมิถุนายนปีนี้

ในรายงานฉบับนี้ซึ่งเผยแพร่โดย อาร์วินด์ สุบรามาเนียน อดีตหัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลอินเดีย และนักวิจัยอีก 2 คนของเซ็นเตอร์ ฟอร์ โกลบัล ดิเวลอปเมนต์ และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุว่า ตัวเลขของทางการอาจพลาดไม่ได้นับผู้เสียชีวิตในขณะที่โรงพยาบาลต่างๆ มีคนไข้ล้นมือ หรือขณะที่การรักษาพยาบาลเกิดการล่าช้าหรือหยุดชะงัก โดยเฉพาะช่วงที่โควิดระบาดรุนแรงที่สุดเมื่อต้นปีนี้

รายงานฉบับนี้ใช้อาศัยการคำนวณ 3 วิธีผสมผสานกัน ได้แก่ ข้อมูลจากระบบทะเบียนราษฎรที่บันทึกการเกิดและการเสียชีวิตใน 7 รัฐของอินเดีย วิธีที่สองคือ การตรวจเลือดที่แสดงความชุกของโรคของโควิดในอินเดียและเทียบกับอัตราการตายจากโควิดในทั่วโลก และสุดท้ายคือ การสำรวจทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมประชาชนเกือบ 900,000 คน
ซึ่งมีการบันทึกจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่เสียชีวิตในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา

คณะนักวิจัยระบุว่า ตระหนักดีว่าแต่ละวิธีล้วนมีจุดอ่อน เป็นต้นว่า ในการสำรวจทางเศรษฐกิจนั้น ไม่ได้มีการระบุว่าการเสียชีวิตมาจากสาเหตุอะไร จึงพิจารณาจำนวนผู้เสียชีวิตจากสาเหตุทั้งหมด มาเปรียบเทียบกับข้อมูลอัตราการเสียชีวิตในช่วงหลายๆ ปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าแม่นยำ

นักวิจัยยังรับรู้ว่า ความชุกของโควิดและการเสียชีวิตจากโรคนี้ใน 7 รัฐที่ทำการศึกษาอาจไม่ได้หมายถึงสถานการณ์โดยรวมของอินเดีย เนื่องจากไวรัสอาจระบาดรุนแรงในพื้นที่เขตเมืองยิ่งกว่าในพื้นที่ชนบท รวมทั้งคุณภาพระบบสาธารณสุขก็มีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละพื้นที่

ข้อมูลที่สรุปได้จากการวิจัยคราวนี้คือ น่าจะมีผู้เสียชีวิตถึง 4 ล้านคนในช่วงที่โควิดระบาดในอินเดีย ซึ่งบ่งชี้ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดที่แท้จริงมีแนวโน้มสูงกว่าตัวเลขของทางการมาก

นอกจากนั้น รายงานยังประเมินว่า มีผู้เสียชีวิตเกือบ 2 ล้านคนระหว่างการระบาดระลอกแรกเมื่อปีที่แล้ว พร้อมเตือนว่า การขาดความเข้าใจในระดับวิกฤตตามเวลาจริงอาจทำให้ผู้คนชะล่าใจซึ่งนำไปสู่วิกฤตเลวร้ายของการระบาดรุนแรงเมื่อต้นปีนี้

(ที่มา : เอพี, รอยเตอร์, บีบีซี)

ญาติของผู้เสียชีวิตทำพิธีกรรมสุดท้ายก่อนที่ศพจะถูกฌาปนกิจ ที่เมืองเกาฮาตี ประเทศอินเดีย (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 2 ก.ค. 2021)
กำลังโหลดความคิดเห็น