พบหลุมศพนิรนามอีก 182 ศพที่อดีตโรงเรียนประจำชนพื้นเมืองแห่งที่ 3 ในแคนาดา ขณะเดียวกันในวันพุธ(30มิ.ย.) ได้เกิดเหตุไฟไหม้ที่โบสถ์คาทอลิก 2 แห่ง ท่ามกลางความขุ่นเคืองที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับประเด็นอื้อฉาวในอดีตที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
กลุ่มชนพื้นเมืองโลเวอร์ คูตาเนย์ แบนด์ เผยว่าพวกผู้เชี่ยวชาญใช้เครื่องมือหยั่งความลึกด้วยสัญญาณเรดาร์ พบสิ่งที่เชื่อว่าเป็นศพเด็กนักเรียนอายุระหว่าง 7 ถึง 15 ปีของอดีตโรงเรียนเซนต์ยูจีนส์ มิสชัน ใกล้เมืองแครนบรูค รัฐบริติชโคลัมเบีย
บางหลุมนั้นอยู่ในระดับตื้นลึกลงไปใต้ดินเพียง 3 ถึง 4 ฟุต และทางกลุ่มชนพื้นเมืองโลเวอร์ คูตาเนย์ แบนด์ เชื่อว่าศพเหล่านั้นน่าจะเป็นศพของสมาชิกชนพื้นเมือง Ktunaxa nation ซึ่งมีกลุ่มโลเวอร์ คูตาเนย์ รวมอยู่ในนั้นด้วย เช่นเดียวกับจากชุมชนชนพื้นเมืองใกล้เคียงอื่นๆ
ระบบการศึกษาประจำซึ่งนำมาใช้ระหว่างปี 1831 ถึง 1996 เคยพรากเด็กชนพื้นเมืองราว 150,000 คนจากอ้อมอกบรรดาผู้ปกครอง และพาเด็กๆเหล่านั้นมายังโรงเรียนประจำคริสเตียนทั้งหลาย ส่วนใหญ่เป็นคาทอลิก ซึ่งบริหารงานโดยรัฐบาลกลาง โดยมีเป้าหมายเพื่อกลืนเยาวชนชาวพื้นเมืองเข้าสู่สังคมแคนาดา
เด็กๆ ชนพื้นเมืองจะถูกบังคับให้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ไม่อนุญาตให้พูดภาษาชนพื้นเมืองของตัวเอง ไม่ให้ติดต่อพ่อแม่ มีการทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิดทางเพศ ต้องใช้ชีวิตสภาพแวดล้อมที่สกปรก อาคารไม่ได้คุณภาพ ระบบให้ความอบอุ่นไม่ดี และมีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอ จนนำไปสู่การเสียชีวิตของเด็กกว่า 6,000 คน เท่าที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่กลุ่มชนพื้นเมืองเชื่อว่า ยังมีเด็กที่เสียชีวิตแต่ไม่มีการเปิดเผยอีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้โบสถ์คาทอลิก ดูแลโรงเรียนต่างๆในนามของรัฐบาลกลาง ในช่วงปี 1912 จนถึงช่วงต้นทศวรรษ 1970
เหตุการณ์อันน่าเศร้านี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากมีการค้นพบหลุมศพนิรนาม 215 ศพที่โรงเรียนประจำเก่า แคมลูปส์ อินเดียน เรสซิเดนเทียล ในรัฐบริติชโคลอมเบีย ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสร้างความตกตะลึงและโกรธเคืองไปทั่วประเทศ และศพนิรนาม 751 ศพที่อดีตโรงเรียนประจำอีกแห่งในเมืองมารีวาล รัฐซัสแคตเชวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นายกรัฐมนตรีจัสตินท ทรูโด กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่าการค้นพบอันน่าสยดสยองเหล่านี้บีบให้ชาวแคนาดาต้องครุ่นคิดถึงประวัติศาสตร์และความอยุติธรรมที่คนพื้นเมืองเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
เขาเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการปรองดอง พร้อมกับประณามเหตุบุกทำลายทรัพย์สินและวางเพลิงตามโบสถ์ต่างๆทั่่วประเทศ "การทำลายสถานที่สักการะเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ ต้องหยุด" เขากล่าว "เราต้องทำงานร่วมกันเพื่อทำสิ่งผิดพลาดในอดีตให้ถูกต้อง ทุกคนมีบทบาทในเรื่องนี้"
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน โบสถ์ 2 แห่งเกิดไฟไหม้ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องหนักหน่วงขึ้นให้พระสันตะปาปาออกมาขอโทษต่อเหตุล่วงละเมิดที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนประจำของแคนาดา
นอกจากทั้งสองแห่งดังกล่าวแล้ว ยังมีโบสถ์อีกหลายแห่งที่ถูกบุกทำลายทรัพย์สิน ในนั้นบางส่วนถูกทาด้วยสีแดง
แม้อย่างเป็นทางการแล้ว ยังไม่พบความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างเหตุไฟไหม้โบสถ์กับการค้นพบหลุมศพนิรนาม แต่มีข่าวลือว่าเหตุออกอาละวาด ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางความเดือดดาลและความเศร้าโศกนั้น มีต้นตอจากการค้นพบหลุมศพที่อดีตโรงเรียนประจำ
โบสถ์ที่ได้รับความเสียหายเหล่านี้ถูกสร้างประมาณ 100 ปีก่อน สอดคล้องกับช่วงเวลาที่มีการเปิดโรงเรียนประจำราว 139 แห่ง เพื่อกลืนเยาวชนชาวพื้นเมืองเข้าสู่สังคมกระแสหลักของแคนาดา
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว(25มิ.ย.) ทรูโด ออกมาขอโทษต่อ "นโยบายมุ่งร้ายของรัฐบาล" และร่วมกับบรรดาคณะผู้นำชนพื้นเมืองเรียกร้องสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทำแบบเดียวกัน ต่อเหตุล่วงละเมิดตามโรงเรียนประจำคาทอลิกในอดีตที่ผ่านมา
ทรูโดเผยว่าจะมีการลดธงชาติบริเวณอาคารรัฐสภาลงครึ่งเสาเพื่อระลึกถึงเด็กๆที่เสียชีวิต และคงอยู่ไปอย่างนั้นจนถึงวันชาติแคนาดาวันที่ 1 กรกฏาคม
เพอร์รี เบลเลการ์ด ประธานสมัชชนชนพื้นเมืองแห่งชาติ ระบุว่า "ที่ตั้ง(หลุมศพ) แต่ละแห่งจำเป็นต้องได้รับการสืบสวนอย่างเหมาะสม" ในขณะเดียวกันก็เผยว่ามีแผนลงมือค้นหาที่ตั้งของหลุมศพเพิ่มเติม
(ที่มา:เอเอฟพี)