xs
xsm
sm
md
lg

น่าห่วง! สหรัฐฯ พบเคสติดเชื้อโควิดอาการหนักหรือตายกว่า 4,100 คน แม้ฉีดวัคซีนครบแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มีประชาชนมากกว่า 4,100 รายที่อาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ แม้คนเหล่านี้จะฉีดวัคซีนครบแล้ว ตามรายงานข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีของอเมริกา โดยอ้างอิงข้อมูลที่เผยแพร่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติอเมริกา (ซีดีซี) ขณะเดียวกันเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงของเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ติดเชื้อน่าจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากซีดีซีหยุดรายงานเคสลักษณะดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในข้อมูลที่ทางซีดีซีรวบรวมจนถึงวันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน และเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พบว่าจนถึงช่วงเวลาดังกล่าวมีประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว 750 รายที่เสียชีวิตหลังติดเชื้อโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ทางซีดีซีเน้นว่าในนั้นมีอยู่ 142 รายเป็นการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการหรือไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19

นอกจากนี้ ทางซีดีซียังได้รับรายงานมีประชาชน 3,907 คนที่ล้มป่วยอาการหนักถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากกรณีติดเชื้อภายหลังได้รับวัคซีน (Breakthrough Infection) แม้ฉีดวัคซีนครบแล้ว ในนั้นมากกว่า 1,000 รายเป็นติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ หรือไม่ก็เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19

“เป็นที่คาดหมายไว้แล้ว” ดร.พอล ออฟฟิต ที่ปรึกษาระดับสูงของสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ ด้านวัคซีนสำหรับเด็กกล่าวกับ CNBC “วัคซีนไม่มีประสิทธิภาพ 100% แม้กระทั่งกับการติดเชื้ออาการรุนแรง แต่ถือเป็นสัดส่วนเล็กน้อยมากๆ จากผู้เสียชีวิต 600,000 คน”

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า เคสติดเชื้อภายหลังได้รับวัคซีนเกิดขึ้นน้อยมากๆ และส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงแต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ทั้งหมด การทดลองคลินิกขั้น 3 ของไฟเซอร์และโมเดอร์นาพบว่าวัคซีน 2 โดสของ 2 บริษัทมีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19 ที่ 95% และ 94% ตามลำดับ ส่วนวัคซีนโดสเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพ 66% อย่างไรก็ตาม วัคซีนทั้ง 3 ตัวมีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อาการหนัก

รายงานข่าวระบุว่า ทางซีดีซีไม่ได้นับกรณีติดเชื้อภายหลังได้รับวัคซีนทุกเคส โดยหยุดนับเคสติดเชื้อภายหลังได้รับวัคซีนทั้งหมดมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม และตอนนี้นับเพียงแค่เคสติดเชื้อภายหลังได้รับวัคซีนที่มีอาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตเท่านั้น ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข

ชาวอเมริกันชนส่วนใหญ่ที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ล้วนแต่ฉีดวัคซีนเทคโนโลยี mRNA สองยี่ห้อที่ได้รับอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน ได้แก่ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นา โดยในตอนที่ซีเอ็นบีซีรายงานข่าวนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนประชาชนไปแล้วกว่า 178.3 ล้านคน และฉีดครบ 2 โดส 46%

“คุณน่าจะถูกอุกกาบาตฆ่าได้พอๆ กับที่เสียชีวิตจากโควิดหลังจากฉีดวัคซีน” ดร.ปีเตอร์ ชิน-ฮง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก บอกกับซีเอ็นบีซี “ในแผนใหญ่ วัคซีนมีพลานุภาพมหาศาล”

อัตราประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงเล็กน้อยเมื่อเผชิญกับตัวกลายพันธุ์ต่างๆ อย่างเช่น อัลฟา และเดลตา โดยผลการศึกษาพบว่าวัคซีนของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพต่อตัวกลายพันธุ์เดลตา 88% แต่ไม่ชัดเจนว่าเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อมีต้นตอจากตัวกลายพันธุ์หรือไม่

ในอิสราเอลและสหราชอาณาจักรก็มีความกังวลเกี่ยวกับตัวกลายพันธุ์เดลตามากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน หลังพบเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อเพิ่มขึ้น

แม้ฉีดวัคซีนประชากรวัยผู้ใหญ่ไปแล้ว 80% แต่ เชซี เลวี อธิบดีกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอล เผยว่าตัวกลายพันธุ์เดลตาคิดเป็นสัดส่วน 70% ของผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ นอกจากนี้แล้ว เลวียังระบุด้วยว่า 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว

ในสหราชอาณาจักร สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษรายงานพบว่าระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน จนถึง 14 มิถุนายน มีผู้เสียชีวิตที่มีต้นตอจากตัวกลายพันธุ์เดลตา 26 จาก 73 รายที่เกิดขึ้นกับคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

เป็นที่น่าสังเกตว่าในวันที่ 7 มิถุนายน ทางซีดีซีได้รับรายงานเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต 3,459 ราย จากนั้นในวันที่ 18 มิถุนายนอัปเดตเป็น 3,729 ราย เพิ่มขึ้น 270 คน จนกระทั่งล่าสุดขยับขึ้นเป็น 4,115 ราย

ทั้งนี้ เคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตส่วนใหญ่หรือราว 76% เกิดขึ้นกับคนสูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป

(ที่มา : ซีเอ็นบีซี)


กำลังโหลดความคิดเห็น