‘คิมจองอึน’ ชี้นิ้วเดือดดาล ปลด จนท.ระดับสูงกราวรูด คาดโสมแดงเอาไม่อยู่-เจอโควิดระบาด

คิม จองอึน ระบุความล้มเหลวในการดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันไวรัสนำไปสู่ “วิกฤตใหญ่หลวง” พร้อมปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนโทษฐานทำให้ประเทศและประชาชนเกาหลีเหนือตกอยู่ในความเสี่ยง ส่งสัญญาณว่าแดนโสมแดงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และอาจกำลังต้องการความช่วยเหลือจากนานาชาติ

รายงานเกี่ยวกับคำพูดของผู้นำคิมตลอดจนการปลดเจ้าหน้าที่เช่นนี้ ซึ่งมาจากสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางเมื่อวันพุธ (30 มิ.ย.) ไม่ได้ให้รายละเอียดของวิกฤตหรือความเสี่ยงที่ประชาชนต้องเผชิญแต่อย่างใด

ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือไม่เคยยืนยันอย่างเป็นทางการหรือกระทั่งปฏิเสธเรื่อยมาว่าพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในประเทศของตน ถึงแม้เกาหลีใต้และอเมริกาต่างพากันระแวงสงสัย กระนั้น ประเทศเผด็จการแห่งนี้ก็ได้ใช้มาตรการสกัดกั้นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างเข้มงวด ซึ่งรวมถึงการปิดพรมแดนตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว และการจำกัดการเดินทางภายในประเทศ

จากคลิปข่าวของเคซีทีวีของทางการเปียงยาง คิมชี้นิ้วอย่างเดือดดาลระหว่างการประชุมขยายวงของกรมการเมือง แห่งคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ เพื่อชำระสะสางการละเลยหน้าที่ของผู้บริหารพรรคบางคน ซึ่งรวมถึงการไม่ดำเนินการมาตรการระยะยาวเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดที่ทำให้เกิดวิกฤตใหญ่หลวงต่อการรับประกันความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน อีกทั้งนำไปสู่ผลลัพธ์ร้ายแรง

รายงานยังระบุว่า ในการประชุมที่มี คิม โยจอง น้องสาวและที่ปรึกษาของคิม ร่วมอยู่ด้วยนั้น มีการปลดสมาชิกกรมการเมือง เลขาธิการคณะกรรมการกลาง และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ หลายคน แม้ข่าวไม่ได้ระบุว่าเกี่ยวข้องกับการละเลยหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันโควิดหรือไม่ รวมทั้งมีใครบ้างที่ถูกปลด แต่ภาพจากเคซีทีวีเผยให้เห็นว่า จอมพล รี ยอง-ชอล ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่อาวุโสที่สุด ไม่มีส่วนร่วมในการโหวตในที่ประชุม

ทางด้าน ชอย จองกุน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รับรู้ข่าวนี้แล้วแต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ

ขณะที่ คี บี. พัค ศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ทำงานในโครงการสุขอนามัยหลายโครงการในเกาหลีเหนือ กล่าวว่า เปียงยางถือว่าการปกป้องประชาชนจากวิกฤตโรคระบาดมีความสำคัญต่อความอยู่รอดของประเทศ และการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการต่อสู้ไวรัสเป็นหน้าที่ของผู้นำอาวุโสสูงสุด

เขายังบอกอีกว่า แนวทางที่ครอบคลุมและการย้ำคำสั่งห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมขนาดใหญ่บ่งชี้ว่า เกาหลีเหนืออาจป้องกันการระบาดครั้งใหญ่ได้ แต่สำทับว่าความสำเร็จนี้มีต้นทุนแพงมากต่อเศรษฐกิจและเพิ่มความเสี่ยงที่ประชาชนจะอดอยากยากแค้นยิ่งขึ้น

การปิดพรมแดนทำให้เกาหลีเหนือตกอยู่ในภาวะโดดเดี่ยวยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา โดยที่การค้ากับจีน ซึ่งเป็นเส้นเลือดสำคัญที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ อยู่ในอาการเซื่องซึม ขณะที่เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์นานาชาติทั้งหมดก็ถูกสั่งให้เดินทางออกจากเกาหลีเหนือ

ในเดือนมิถุนายนนี้ เปียงยางยอมรับว่ากำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนอาหาร และก่อนหน้านั้นคิมเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับ “สถานการณ์เลวร้ายที่สุด”

นักวิเคราะห์หลายคนตีความสถานการณ์ล่าสุดว่า เกาหลีเหนือพบผู้ติดเชื้อโควิด-19

อัน ชานอิล นักวิจัยที่เป็นผู้แปรพักตร์หลบหนีจากเกาหลีเหนือ ชี้ว่า รายงานข่าวนี้ส่งสัญญาณว่าโสมแดงพบผู้ติดเชื้อโควิด และอาจกำลังต้องการความช่วยเหลือจากนานาชาติ เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีการรายงานข่าวนี้ซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับความล้มเหลวในการป้องกันโรคระบาด

ทั้งนี้ หากโควิดระบาดจริง เกาหลีเหนือที่ทั้งยากจนและถูกนานาชาติแซงก์ชัน จะต้องเผชิญปัญหาหนักหนาสาหัสเนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ ซ้ำระบบสาธารณสุขด้อยประสิทธิภาพอย่างมาก

พัค วอนกอน จากมหาวิทยาลัยสตรีเอวาในกรุงโซล เห็นด้วยว่า การประชุมคราวนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากกว่าปกติ และการที่รายงานข่าวใช้คำว่า “ผลลัพธ์ร้ายแรง” หมายความว่า “เป็นไปได้” ที่เกาหลีเหนือพบผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)