ซาอุดีอาระเบียไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติ เดินทางมาประกอบพิธีฮัจญ์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยจำกัดไว้เฉพาะประชาชนของตนเองและผู้พักอาศัยในประเทศที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว ในมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามรายงานของสำนักข่าวซาอุดีเพรส สื่อมวลชนแห่งรัฐ. เมื่อวันเสาร์ (12 มิ.ย.)
รัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่บริหารจัดการนักแสวงบุญมุสลิมที่จะเดินทางมายังนครเมกกะ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวซาอุดีเพรส ว่า มีแค่ประชาชนอายุระวห่าง 18 ถึง 65 ปี ที่ฉีดวัคซีนแล้วหรือมีภูมิคุ้มกันไว้รัส และไม่ได้เจ็บป่วยเรื้อรัง ที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมพิธี พร้อมกำหนดขอบเขตจำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุดไว้ที่ไม่เกิน 60,000 คน
"การตัดสินใจนี้มีขึ้นเพื่อรับประกันความปลอดภัยของพิธีฮัจญ์ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนของไวรัส" ทอฟิก อัล-รูเบียห์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวซาอุดีเพรส "แม้มีวัคซีน แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับไวรัสและบางประเทศเคสผู้เชื้อโควิด-19 ยังคงสูงอยู่ ความท้าทายอื่นจากตัวกลายพันธุ์ต่างๆ ของไวรัส ดังนั้น จึงตัดสินใจกำหนดข้อจำกัดพิธีฮัจญ์"
นอกจากนี้แล้ว รัฐมนตรีรายนี้ยังบอกว่ามีเพียงผู้ฉีดวัคซีนยี่ห้อที่ได้รับการอนุมัติแล้ว ประกอบไปด้วยของไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ที่จะได้รับอนุญาตให้ร่วมพิธีฮัจญ์
ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นไปตามที่สำนักข่าวรอยเตอร์เคยรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุในเดือนพฤษภาคม ว่า ซาอุดีอาระเบียกำลังพิจารณาแผนห้ามนักแสวงบุญต่างชาติเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ ศาสนพิธีสำคัญของคนมุสลิม ซึ่งคนมุสลิมที่มีศักยภาพเพียงพอจะต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
ก่อนหน้าที่จะมีการเริ่มบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมทั่วโลกสกัดการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ ในแต่ละปีจะมีนักแสวงบุญมากกว่า 2.5 ล้านคนเดินทางมายังสถานที่ศักดิสิทธิ์ต่างๆ ของอิสลามในนครเมกกะ และเมืองเมดินา ในสัปดาห์พิธีฮัจญ์และประกอบพิธีอุมเราะห์ ซึ่งสามารถทำได้ตลอดทั้งปี และรวมทั้ง 2 พิธี นำรายได้เข้าสู่ซาอุดีอาระเบียราวๆ 12,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
(ที่มา : รอยเตอร์)