ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งเตือนเมื่อวันอาทิตย์ (30 พ.ค.) ว่า การสืบสวนอย่างครบถ้วนต้นกำเนิดของโควิด-19 ในจีน มี “ความสำคัญอย่างยิ่ง” เพื่อป้องกันโรคระบาดใหญ่ในอนาคต และหลีกเลี่ยง “โควิด-26” หรือไม่ก็ “โควิด-32”
“มันอาจจะมีโควิด-26 และโควิด-32 จนกว่าเราจะเข้าใจต้นกำเนิดของโควิด-19 โดยสมบูรณ์ มันมีความสำคัญอย่างที่สุด” ดอกเตอร์ปีเตอร์ โฮเทซ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งวิทยาลัยแพทยศาสตร์เบย์เลอร์ สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการ “มีท เดอะ เพรส” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี
โฮเทซ เชื่อว่า สหรัฐฯจำเป็นต้องดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ ในการสืบสวนข่าวกรองทฤษฎีที่ว่าไวรัสโผล่ขึ้นมาจากสัตว์โดยธรรมชาติ หรือหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
“ตามความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่าเราต้องผลักดันข่าวกรองให้ไกลที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้” โฮเทซ กล่าว พร้อมระบุสหรัฐฯจำเป็นต้องส่งพวกผู้เชี่ยวชาญไปยังศูนย์กลางต้นตอของโรคระบาดใหญ่ในเมืองอู่ฮั่น
“เราจำเป็นต้องมีทีมงานที่ประกอบนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์ นักชีววิทยา นักนิเวศวิทยาค้างคาว ลงพื้นที่มณฑลหูเป่ยเป็นเวลา 6 เดือน จนถึง 1 ปี เพื่อคลี่คลายปมต้นกำเนิดของโควิด-19 โดยสมบูรณ์”
อย่างไรก็ตาม โฮเทซ ยอมรับว่า จีนอาจขัดขวางการสืบสวนโดยสมบูรณ์ หลังจากทีมงานขององค์การอนามัยโลกที่ลงพื้นที่สวนสืบสวนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถูกจีนเข้าแทรกแซงขัดขวางการตรวจสอบอย่างอิสระ
“ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องเพิ่มแรงกดดันมากมายใส่จีน ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ของการกำหนดมาตรการคว่ำบาตร เพื่อเปิดทางคณะทำงานด้านโรคระบาดวิทยาและไวรัสวิทยาที่ลงพื้นที่ในจีน เข้าถึงสัตว์ เช่นเดียวกับคน ไปจนถึงตัวอย่างและห้องปฏิบัติการ อย่างเป็นอิสระ” เขากล่าว
โฮเทซ เตือนว่า หากปราศจากการเข้าถึงโดยสมบูรณ์ “เราอาจไม่มีวันพบแหล่งต้นตอของโรคระบาดใหญ่” เลยก็เป็นได้
“ผมคิดว่ามีความขำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับประชากรค้างคาว สัตว์ต่างๆ ที่อาจเป็นแหล่งรังโรคทั้งหมด รวมถึงคน และหากปราศจากสิ่งนี้ มันเป็นเรื่องยากที่เราจะได้คำตอบ” เขากล่าว
(ที่มา: นิวยอร์กโพสต์)