มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย ในนั้นเป็นชาวอิสราเอล 5 คน และเด็ก 1 คน อาการสาหัสในวันอาทิตย์ (23 พ.ค.) หลังกระเช้าลอยฟ้า หรือ เคเบิลคาร์ ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบมัจจิออเรของอิตาลี กับภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน ร่วงกระแทกพื้นจากความสูงหลายสิบเมตร จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัย
กระเช้าลอยฟ้าสเตรซา-มอตตาโรเน สามารถพานักท่องเที่ยวและชาวบ้านท้องถิ่นจากเมืองริมทะเลสาบมัจจิออเร เกือบ 1,400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ไปยังยอดเขามอตตาโรเน ภายในเวลา 20 นาที
กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ระบุในถ้อยแถลง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อิตาลี ว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น มีพลเมืองของพวกเขารวมอยู่ด้วย 5 ราย และชาวอิสราเอลอีก 1 ราย อยู่ในอาการสาหัส
“เราสุดเศร้า ด้วยความเจ็บปวด” มาร์เซลลา เซเวริโน นายกเทศมนตรีเมืองสเตรซา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์เอไอ ส่วน มาริโอ ดรากิ นายกรัฐมนตรีอิตาลี แสดงความเสียใจกับครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิต
เซเวริโน เผยว่า กระเช้าลอยฟ้ากำลังมุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขา ตอนที่มันร่วงลงกระแทกพื้นจากความสูงราวๆ 20 เมตร และกลิ้งไปตามไหลเขาเป็นเวลาหลายนาที ก่อนหยุดลงหลังจากกระแทกต้นไม้
นายกเทศมนตรีหญิง เผยต่อว่า นักปีนเขาที่อยู่แถวนั้น ได้ยินเสียงดังบางอย่างก่อนกระเช้าร่วงลง และเชื่อว่า อุบัติเหตุครั้งนี้น่าจะมีต้นตอจากหนึ่งในสายเคเบิลขาด
เซเวริโน ระบุว่า เหยื่อบางส่วนถูกพบติดอยู่ภายในกระเช้า ส่วนคนอื่นๆ ถูกเหวี่ยงปลิวตกไปในป่า เวลานี้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพได้เริ่มดำเนินการระบุเอกลักษณ์บุคคลเหยื่อแล้ว ในนั้นรวมถึงพลเมืองต่างชาติ
ทีมกู้ภัยของอิตาลีเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุตอนเวลาประมาณเที่ยงวัน และพบกระเช้าลอยฟ้าแน่นิ่งยับยู่ยี่อยู่กลางป่า และเด็ก 2 คน ถูกลำเลียงขึ้นเฮลิคอปเตอร์นำส่งโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่งในเมืองตูริน ที่อยู่ใกล้ๆ กัน แต่เด็กคนโตกว่า ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีอายุราว 9 หรือ 10 ขวบ เสียชีวิตหลังจากนั้น หลังหัวใจหยุดเต้นถึง 2 ครั้ง
จิโอวานนี ลา วัลเล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เผยว่า ทางโรงพยาบาลไม่มีข้อมูลส่วนตัวของเด็กทั้ง 2 และไม่มีใครติดต่อมายังโรงพยาบาล รับเป็นญาติของพวกเขา บ่งชี้ว่า สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวอาจเกี่ยวข้องในอุบัติเหตุครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนเด็กคนที่มีอายุน้อยกว่า คาดว่า น่าจะอายุราวๆ 5 ขวบ ยังมีสติตอนถูกส่งตัวมาถึงโรงพยาาบาล และถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดเพื่อยึดตรึงกระดูกหลายท่อน
กระเช้าลอยฟ้าสเตรซา-มอตตาโรเน เพิ่งกลับเปิดใช้งานเมื่อเร็วๆ นี้ หลังอิตาลีได้ยกเลิกข้อจำกัดสกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แบบค่อยเป็นค่อยไป
“มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสยดสยองสำหรับฉัน สำหรับชุมชนของเรา และฉันคิดว่า สำหรับคนทั้งอิตาลีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเพิ่งเริ่มกลับมาเปิดหลังโรคระบาดใหญ่” เซเวริโนกล่าว
ยอดเขามอตตาโรเน เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะว่ามันมีทัศนียภาพแลเห็นทะเลสาบมัจจิออเรอย่างกว้างขวาง เช่นเดียวกับหมู่เกาะที่งดงามต่างๆ และทิวทัศน์รอบๆ เทือกเขาแอลป์
กระเช้าลอยฟ้าแห่งนี้เปิดใช้งานในเดือนสิงหาคม 1970 หลังใช้เวลาในการก่อสร้างนานเกือบ 3 ปี เพื่อแทนที่รางรถไฟฟันเฟือง
ระบบกระเช้าไฟฟ้ารางคู่นี้ถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกระยะทาง 2 กิโลเมตร ระหว่างสเตรซากับอัลปิโน และอีกส่วนระหว่างอัลปิโน กับมอตตาโรเน มีระยะทาง 3 กิโลเมตร มันประกอบด้วย กระเช้า 2 ตัวขึ้นลงสลับกัน แต่ละกระเช้าบรรทุกผู้โดยสารสูงสุด 40 คน
เซเวริโน เผยว่า งานบำรุงรักษาสำคัญๆ ในนั้นรวมถึงการเปลี่ยนสายเคเบิล เพิ่งดำเนินการไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา “มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ” นายกเทศมนตรีหญิงระบุ
(ที่มา: รอยเตอร์)