สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ที่ญี่ปุ่นมีวันหยุดยาวช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่เรียกว่าโกลเด้นวีค Golden Week เป็นวันหยุดยาวตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม อาจจะมีจำนวนวันที่หยุดไม่เท่ากันในแต่ละปี ส่วนปีนี้บางบริษัทให้วันหยุดติดต่อกันถึง 10 วันเลยทีเดียว แต่ก็มาติดสถานการณ์ฉุกเฉินที่ถูกร้องขอให้คนกักตัวอยู่บ้านครับ แล้วสถานการณ์โควิดที่เมืองไทยเป็นอย่างไรบ้าง อ่านข่าวมากๆ เครียดกันไหมครับ
สถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ 緊急事態宣言 state of emergency ก็อย่างที่ทราบกันครับว่าเมื่อเกิดสถานการณ์ที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยและเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์นั้นๆ โดยเร็ว ครั้งนี้รัฐบาลและส่วนราชการท้องถิ่น บุคลากรทางการแพทย์, ผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการรวมทั้งประชาชน ต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19 ) ครั้งก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลขอให้ร้านอาหารปิดทําการ สถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน, ร้านคาราโอเกะ, งานแสดงคอนเสิร์ต, สโมสรกีฬา, สวนสนุกและโรงภาพยนตร์ทั้งหมดต้องปิดทำการชั่วคราว สิ่งอํานวยความสะดวกเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าก็ปิดทำการชั่วคราวเช่นกัน ยกเว้นพื้นที่ขายอาหารและสิ่งจําเป็นในชีวิตประจําวัน ในระลอกต่อๆ มาก็มีมาตรการจำกัดวันเวลาเปิดปิดและห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และชาวโตเกียวยังถูกร้องขอให้ช่วยกันป้องกันตัวเอง เช่น การไม่ออกนอกเคหสถานในกรณีที่ไม่จําเป็น ทำให้ต้องกักตัวอยู่ที่บ้านจนหลายคนเกิดอาการเครียด
โดยปกติแล้วถ้าได้หยุดยาวทั้งที ต่างคนต่างก็วางแผนออกไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือไปเที่ยวต่างประเทศใช่ไหมครับ ปีหนึ่งๆ จะมีวันหยุดยาวๆ ไม่มาก ทุกคนอยากพักผ่อนคลายเครียดจากการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตที่วุ่นวายในแต่ละวัน ยิ่งช่วงเดือนพฤษภาคมที่ญี่ปุ่นจะเริ่มอบอุ่นขึ้นมากแล้ว ใครๆ ก็จะเริ่มออกเดินทาง ไปเที่ยวตามภูเขา หรือเข้าป่าตั้งแคมป์ หรือไปเล่นน้ำกัน แต่ว่าปีนี้ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นนี้ กลายเป็นว่าวันหยุดยาวแต่ออกไปไหนไม่ได้เพราะถูกร้องขอให้อยู่ที่บ้าน (เน้นพูดถึงกรณีคนในโตเกียวนะครับ ) และยังมีผลยาวไปถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ แม้ว่าคนญี่ปุ่นจะพยักหน้ายอมรับและพูดว่าเข้าใจครับ จะทำตามครับ แต่ลึกๆ แล้ว หลายคนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายเอือมระอาและบางคนก็เริ่มจะไม่สนใจแล้ว ต่างก็เข้าใจความรู้สึกนี้กันดี เหมือนกับวลีเปรียบเปรยของญี่ปุ่นที่ว่า 仏の顔も三度 Hotoke no kao mo sando แม้ต่อให้เป็นคนที่มีใบหน้านิ่งสงบประหนึ่งพระปฏิมา ถ้าถูกกระตุ้นให้เบื่อหน่ายแบบเดิมๆ สามครั้ง คนๆ นั้นจะนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป
แต่ละวันจะมีการนำเสนอข่าวจำนวนผู้ติดเชื้อและรายงานสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งคิดว่ารูปแบบเช่นเดียวกับที่เมืองไทยมีการนำเสนอข่าวอยู่ คือ มีคนติดโรคกี่คน เสียชีวิตกี่คน เป็นต้น ข่าวที่ถูกนำเสนอในรูปแบบเดิมทุกวันๆ ทำให้คนเคยชิน พอมีข่าวอื่นที่ไม่น่าจะเป็นข่าวโด่งดังอะไรก็กลายเป็นข่าวดังขึ้นมาทันที เช่น ข่าวงูหลุดจากกรงเลี้ยง หรือคนหลงป่าแบบข่าวชาวบ้านมากๆ เทือกเขาตามชนบทที่ไม่น่าเป็นข่าวดัง หรือข่าวต่อไปนี้
●ข่าวคนจมน้ำ : ด้วยความที่ถูกร้องขอให้อยู่ในพื้นที่ที่ไม่แออัด คนโตเกียวจึงมองหาสถานที่สันทนาการและรวมกลุ่มทำบาร์บีคิวบริเวณริมแม่น้ําแม้เขาจะประกาศห้ามเข้าแต่ก็ไม่ฟัง ด้วยอากาศดีการออกมากินลมชมวิวในฤดูร้อนจึงมีคนจำนวนมากออกไปเที่ยวเล่นและสังสรรค์มีการรวมกลุ่มและการดื่มสุรากันเมามายในช่วง Golden Week โกลเด้นวีค ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางน้ำขึ้นหลายเคส เช่น มีการว่ายน้ําในแม่น้ําใกล้โตเกียวและเกิดอุบัติเหตุทางน้ำขึ้นทุกวันช่วงวันหยุดยาว หรืออีกกรณีที่พ่อแม่และเด็กเสียชีวิตในขณะที่ลงไปช่วยเด็กในทะเลสาบก็เป็นตัวอย่างที่ทุกคนรู้สึกสะเทือนใจ (ช่วงนี้ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดเหมือนจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น และไม่ได้รับความเห็นอกเห็นใจเหมือนปกติ เพราะต่างก็รู้สึกผิดหวังในโศกนาฏกรรมของสถานการณ์โควิด)
●ข่าวนักท่องเที่ยวติดซอกเขา: นักปีนเขาจากโตเกียวเดินทางไปปีนเขาที่เกาะแถวจังหวัดคาโกชิมาแล้วติดซอกเขานโปเลียนร็อค Napoleon rock เนื่องจากพายุเข้าพอดี แม้ว่าจะแจ้งขอความช่วยเหลือแต่มีความยากลําบากมากเนื่องจากเป็นซอกเขาสูงชันและเกิดพายุลมกระโชกแรง แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย
●ข่าวคนหลงป่า : ในวันที่ 5 พฤษภาคม ชายวัย 40 ปีและนักเรียนประถมศึกษา 2 คน ได้รับการช่วยเหลือที่เนินเขาระหว่างจังหวัดคานาซาว่าและเมืองนันโตะในจังหวัดโทยามะ จากการสืบสวนพบว่าครอบครัวของพวกเขาออกไปปีนภูเขาด้วยกัน รวมทั้งครอบครัว 6 คนโดยเริ่มเดินทางประมาณเที่ยงของวันที่ 4 มาถึงเมืองคานาซาว่าและเมืองนันโตะจังหวัดโทยามะ สําหรับการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ แต่ระหว่างทางลงเขา ลูกชายอายุ 10 ปีและลูกสาวอายุ 8 ปีและชายอายุ 40 ปีผู้เป็นพ่อเกิดพลัดหลงทาง แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย
ยิ่งในช่องทางสื่อสารแบบ SNS หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ยิ่งเป็นประเด็นสนทนาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าจะถูกร้องขอให้กักตัวอยู่ที่บ้าน ห้ามเดินทางถ้าไม่จำเป็น แต่ถึงห้ามก็มีคนออกไปเที่ยวแถมยังมีข่าวอุบัติเหตุตามสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมายดังกล่าว ปกติแล้วคนญี่ปุ่นจะไม่วิจารณ์รุนแรงกับข่าวเช่นนี้ กลับกลายเป็นว่าคนญี่ปุ่นวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงแบบไม่เอื้ออาทร บางคนเหมือนปลดปล่อยความเครียด แต่ก็อย่างที่บอกเขาห้ามออกเที่ยวก็ยังมีคนไม่ฟังและเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็เลยถูกสังคมพูดถึง อย่างหนึ่งคงเพราะในช่วงของวันหยุดยาวโกลเด้นวีค คนส่วนใหญ่เริ่มเครียด, เหงาและไม่มีกิจกรรมอะไรจะทำมากนัก ความสงบหรือสันติภาพในใจที่มีคงเกินลิมิตจำกัดแล้ว และเริ่มใช้คำพูดที่รุนแรงในการวิจารณ์สังคม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติเมื่อเจอข่าวแบบด้านบนทุกคนก็คงไม่ว่าอะไร อาจจะมีความเห็นอกเห็นใจมอบให้ และนอกจากพฤติกรรมของคนจะเปลี่ยนไปแล้วประเพณีดังเดิมหรืองานกิจกรรมตามวัดวาอารามก็ดูจะเงียบเหงามาก
เมื่อพูดถึงวันหยุดยาวที่ผ่านมา หนึ่งในวันหยุดในช่วงโกลเด้นวีคคือวันที่ 5 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาติ แต่ปัจจุบันนี้จํานวนเด็กในประเทศลดลงต่อเนื่องมาเป็นเวลา 40 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้เนื่องจากผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 นี้ก็มีข่าวว่าสวนสนุกและร้านขายของเล่น และอื่นๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเด็กได้ปิดตัวลงแม้จะพยายามดำเนินธุรกิจต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ ผมก็รู้สึกเสียใจจริงๆ เมื่อได้ยินเรื่องนี้
ในประเทศญี่ปุ่นอัตราการเกิดของเด็กอยู่ในระดับต่ำ คนหนุ่มสาวต่างเดินทางเข้ามาอาศัยรวมตัวกันในเมืองใหญ่เช่นโตเกียวและโอซาก้า แม้จะมีรายได้สูงกว่าเมืองชนบท แต่การใช้ชีวิตในเมืองที่ต้องอยู่อาศัยในห้องแคบๆ ขนาดเล็กและไม่ได้อาศัยอยู่ใกล้ๆ กับปู่ย่าตายาย ในทางกลับกันภูมิภาคต่างๆ เช่นโอกินาวาประชาชนอาจจะมีรายได้ต่ำกว่าคนในเมืองใหญ่ แต่ชุมชนท้องถิ่นมีเสถียรภาพและอัตราการเกิดสูงกว่า หรือเมือง Kishiwada ของจังหวัดโอซาก้าเมืองที่จัดเทศกาล Kishiwada danjiri ที่ยิ่งใหญ่ เป็นเมืองที่เรียกได้ว่าชนบทที่ไม่มีภาพลักษณ์ความทันสมัยถ้าเทียบกับกลางเมืองโอซาก้า แต่ดูเหมือนจะมีอัตราการเกิดสูงกว่าในเมืองมาก (แม้ว่าจํานวนเด็กจะลดลงทุกปีก็ตาม)
ที่นี่จัดเทศกาลคิชิวะดะ ดันจิริ Kishiwada danjiri เป็นที่หนึ่งในเทศกาลที่จัดขบวนแห่ดันจิริที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีมายาวนานกว่าสามร้อยปี โดยมีขบวนแห่แยกกัน 35 ขบวนและผู้เข้าร่วมงาน 500,000 คนในแต่ละปี ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ว่างานที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้จะทำอย่างไร ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล แต่วิถีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนานกำลังจะเงียบเหงาลงไป ในสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด-19 มรดกทางวัฒนธรรมและการฟื้นฟูสังคมดูจะยากขึ้นอย่างแน่นอน
เราต้องเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงจากสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด-19 ไปอีกสักระยะหนึ่งซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอีกนานแค่ไหน สามารถพูดได้ว่าชีวิตเป็นสิ่งสําคัญสำหรับทุกคนไม่ว่าเด็กหรือคนแก่ ดังกล่าวจะเห็นว่า ณ ตอนนี้ไม่ว่าคนญี่ปุ่นจะบอกว่าพวกเขาเข้าใจสถานการณ์ แต่ทุกคนกำลังประสบกับความเครียดสะสม ตอนนี้ทุกคนต้องการการเยียวยาทางจิตใจ วันนี้สวัสดีครับ