อังกฤษเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อีกขั้น เช่นเดียวกับอีกหลายชาติในยุโรป ตรงข้ามกับอินเดียที่สถานการณ์โควิดยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม มีข่าวดีจากไบโอเอ็นเทค ซึ่งเป็นพันธมิตรผลิตวัคซีนของไฟเซอร์ ที่ประกาศแผนสร้างโรงงานในสิงคโปร์เพื่อเพิ่มกำลังผลิตวัคซีนโควิด
โครงการเร่งรัดฉีดวัคซีนทำให้ประเทศร่ำรวยหลายแห่งเริ่มดำเนินขั้นตอนต่างๆ เพื่อฟื้นคืนสู่สถานการณ์ปกติ หลังจากไวรัสโคโรนาทำให้มีผู้สังเวยชีวิตไปแล้วเกือบ 3.3 ล้านคนทั่วโลก
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ ถูกคาดหมายว่า จะประกาศมาตรการเพิ่มเติมชุดใหม่ในวันจันทร์ (10 พ.ค.) ซึ่งมีแนวโน้มครอบคลุมการอนุญาตให้ประชาชนนั่งดื่มกินในร้านอาหารและผับ และการเปิดโรงภาพยนตร์ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ที่จะถึง
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากสเปนยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่บังคับใช้มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และอนุญาตให้ประชาชนเดินทางข้ามภูมิภาค ส่วนเยอรมนียกเลิกข้อจำกัดหลายอย่างสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วนับจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (9)
ทว่า ในอีกหลายประเทศ ไวรัสโคโรนายังคงสร้างปัญหาหนักและตอกย้ำความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีนทั่วโลก
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 366,161 คน และผู้เสียชีวิต 3,754 คนในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 22.66 ล้านคน และผู้เสียชีวิต 246,116 คน
ไวรัสกลายพันธุ์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สถานการณ์การระบาดในอินเดียรุนแรงมากขึ้น ซ้ำร้ายไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดง่ายและเร็วขึ้นยังแพร่เชื้อไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เนปาล กระทั่งจีนต้องสั่งกำหนด “เส้นแบ่งเขต” บนยอดเขาเอเวอเรสต์ที่เป็นพรมแดนระหว่างสองชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสสายพันธุ์อินเดียแพร่เชื้อจากนักปีนเขาในเนปาลเข้าสู่จีน โดยมีรายงานว่า ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้พบผู้ป่วยหลายสิบคนจากแคมป์บนเอเวอเรสต์
วิกฤตไวรัสทำให้นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิของอินเดีย ถูกกดดันหนักขึ้นให้ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
นอกจากเสียงเรียกร้องภายในประเทศอย่างสมาคมแพทย์อินเดียที่ต้องการให้รัฐบาลสั่งล็อกดาวน์อย่างสมบูรณ์ มีการวางแผนเตรียมการ และประกาศล่วงหน้าแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ นายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี ที่ปรึกษาใหญ่ด้านไวรัสโคโรนาของทำเนียบขาว ยังแนะนำเช่นเดียวกันว่า อินเดียต้องล็อกดาวน์ทั่วประเทศเพื่อสกัดห่วงโซ่การระบาด
สำหรับอเมริกานั้นยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก นอกจากนั้น งานศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตันที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังประเมินว่า ตัวเลขจริงของผู้เสียชีวิตในอเมริกาอาจไม่ใช่ตัวเลขอย่างเป็นทางการที่ 581,000 คน แต่สูงถึงกว่า 900,000 คน
อย่างไรก็ตาม นับจากเดือนมกราคม จำนวนเคสใหม่เริ่มลดลง ขณะที่มีชาวอเมริกันได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วกว่า 114 ล้านคน
ขณะเดียวกัน เมื่อวันจันทร์ อูกูร์ ซาฮิน ประธานบริหารไบโอเอ็นเทคของเยอรมนีซึ่งเป็นพันธมิตรผู้พัฒนาวัคซีนโควิดร่วมกับไฟเซอร์ ได้ประกาศสร้างสำนักงานใหญ่ภูมิภาคและโรงงานผลิตประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสิงคโปร์ ซึ่งจะเดินเครื่องผลิตวัคซีนโควิดชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอปีละหลายร้อยล้านโดส
โรงงานดังกล่าวจะเริ่มต้นก่อสร้างภายในปีนี้และอาจเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2023
วัคซีนของไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์เป็นวัคซีนโควิดตัวแรกที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินในหมู่ประเทศตะวันตกเมื่อปลายปีที่แล้ว และขณะนี้ได้จัดส่งไปยังกว่า 90 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งมีแผนเพิ่มกำลังผลิตเป็น 3,000 ล้านโดสภายในปลายปีนี้ จากที่เคยคาดไว้ที่ 2,500 ล้านโดส และจะเพิ่มเป็นกว่า 3,000 ล้านโดสในปี 2022
นอกจากนั้น เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลก ไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์ยังเตรียมให้ใบอนุญาตและร่วมเป็นพันธมิตรในการผลิตวัคซีนโควิดกับบริษัทยาอื่นๆ เช่น เมิร์ก, โนวาร์ทิส และซาโนฟี
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)