อัตราผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษลดลงกว่าครึ่งนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ผลจากการแจกจ่ายวัคซีนที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ตัวกลายพันธุ์ยังคงเป็นภัยคุกคาม จากผลการค้นพบใหม่ที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (13 พ.ค.)
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เมื่อวันจันทร์ (10 พ.ค.) ไฟเขียวให้กลับมาโอบกอดกันและเสิร์ฟเครื่องดื่มภายในผับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป หลังจากบังคับใช้มาตรการเข้มข้นมานานหลายเดือน ในขณะที่เขาวางกรอบสำหรับขั้นต่อไปในการผ่อนปรนข้อจำกัดล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ผลการศึกษา REACT ที่ดำเนินการโดยบรรดานักวิทยาศาสตร์จากราชวิทยาลัยลอนดอน พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอีกครั้ง มีอัตราเฉลี่ยเหลือเพียงแค่ 1 คนต่อประชากร 1,000 คน
“การค้นพบในวันนี้พิสูจน์ถึงผลกระทบของโครงการฉีดวัคซีนอันน่าทึ่งของเราที่มีต่ออัตราการติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ” แมตต์ แฮนค็อค รัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าว “เรากำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ด้วยการปรากฏตัวของตัวกลายพันธุ์ เรายังคงต้องระมัดระวังกันต่อไป”
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรใช้วัคซีนที่ร่วมพัฒนาโดยแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพวกเขาเผยว่าคนอายุไม่ถึง 40 ปีจะได้รับทางเลือกในการรับวัคซีนต้านโควิด-19 ชนิดอื่นบนพื้นฐานความสมัครใจ สืบเนื่องจากความเป็นไปได้ที่มันจะเกี่ยข้องกับการเกิดลิ่มเลือดอุดตันชนิดหายาก
อนึ่ง ผลการศึกษานี้ไม่ครอบคลุมสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งแต่ละแห่งมีระบบติดตามเคสผู้ติดเชื้อของตนเอง
การศึกษา REACT ถือเป็นการสำรวจเกี่ยวกับโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดหนหนึ่งในอังกฤษ โดยในรอบล่าสุดเป็นการศึกษาในอาสาสมัคร 127,000 คนในอังกฤษ ระหว่างวันที่ 15 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม
โดยรวมแล้วผลการศึกษาพบว่าอัตราผู้ติดเชื้อในอังกฤษลดลงเหลือ 0.1% จาก 0.2% ในเดือนมีนาคม กลุ่มอายุที่ติดเชื้อสูงสุดได้แก่คนอายุระหว่าง 25-34 ปี คิดเป็น 0.21% ส่วนต่ำที่สุดคือกลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไป มีอัตราการติดเชื้อที่ 0.05%
ข้อมูลพบด้วยว่า 92% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดเป็นผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ B.1.1.7 ซึ่งพบครั้งแรกในอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว และมี 7.7% ที่ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ B.1.617.2 ที่พบครั้งแรกในอินเดีย
(ที่มา : รอยเตอร์ส)