ปัจจุบันตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ พุ่งแตะ 581,000 คน แต่ที่ปรึกษาทางการแพทย์ระดับสูงของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในวันอาทิตย์ (9 พ.ค.) ยอมรับไม่มีข้อสงสัยเลยว่าจำนวนดังกล่าวนั้นต่ำกว่าความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการ “มีต เดอะ เพรส” ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ว่าการวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ซึ่งประมาณการว่าตัวเลขที่แม้จริงน่าจะเหนือกว่า 900,000 คนนั้น “มากกว่าที่ผมคิดไว้เล็กน้อย” พร้อมระบุว่า “บางทีโมเดลต่างๆ มันก็ตรง บางทีก็ไม่เป็นไปตามนั้น”
ด้วยอัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯเป็นไปอย่างช้าๆ เฟาซีบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใช้ “ผู้ส่งสารที่มีความน่าเชื่อ” ในแนวทางเอาชนะใจประชาชนบางส่วนที่ยังคงลังเล เพื่อให้อัตราประชาชนที่เข้ารับวัคซีนทั่วประเทศขยับเข้าใกล้ระดับ 80% “อาจเป็นคนดังในวงการกีฬา คนในวงการบันเมิง อาจเป็นผู้สอนศาสนา หรืออาจเป็นแพทย์ประจำครอบครัว”
เขาให้สัมภาษณ์หลายชั่วโมงหลังจากบรรดาคนดังหลายราย ไล่ตั้งแต่เจ้าชายแฮร์รี ไปจนถึงเจนนิเฟอร์ โลเปซ ปรากฏตัวทางทีวีและทางออนไลน์ พูดถึงความสำคัญของวัคซีน ไบเดนและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งก็ร่วมบันทึกเสียงในกิจกรรมดังกล่าว เช่นเดียวกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
ในสัปดาห์ที่แล้ว ค่าเฉลี่ยของผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ อยู่ที่ 1.98 ล้านคนต่อวัน ลดลงจากระดับราวๆ 3.3 ล้านคนต่อวันในช่วงกลางเดือนเมษายน
เฟาซี กล่าวต่อว่า “การใช้แนวทางเดินเข้าไปฉีดวัคซีนตามคลินิกหรือร้านยาต่างๆ กว้างขวางขึ้นเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อให้ประชาชนกลุ่มท้ายๆ ซึ่งดูเหมือนมีท่าทีดื้อรั้น ยอมเข้ารับวัคซีนด้วยการทำให้กระบวนการต่างๆ นั้นง่ายกว่าเดิม”
“เรามีร้านยา 40,000 แห่ง ที่คุณแค่เดินเข้าไป ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีระบบออนไลน์ ไม่มีการนัดหมาย แค่เดินเข้าไปและเข้ารับวัคซีน เช่นเดียวกับหน่วยเคลื่อนไหวที่กำลังกระจายกันออกไป” เฟาซีกล่าว
จากการติดตามของบลูมเบิร์ก พบว่า ตอนนี้มีประชาชนสหรัฐฯ ราว 45.6% ที่เข้ารับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส
หากสหรัฐฯ บรรลุเป้าหมายปัจจุบันของประธานาธิบดีไบเดน ที่ต้องการฉีดวัคซีนประชาชนอย่างน้อยๆ 1 โดส ให้ได้ 70% หรือมากกว่านั้น ก่อนวันที่ 4 กรกฎาคม เฟาซีระบุว่า “คุณอาจเจอปัญหา แต่หากเรารับมือได้ดี มีความเป็นไปได้ที่เราจะไม่ได้เห็นจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นแบบเดียวกับที่เราเผชิญเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีก่อนหรือช่วงต้นของฤดูหนาว”
อีกหนึ่งย่างก้าวสำคัญในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก็คือ การตัดสินใจของสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ ว่าจะอนุมัติใช้วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค กับยุวชนอายุระหว่าง 12-15 ปีหรือไม่ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวคาดหมายว่าจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
(ที่มา : บลูมเบิร์ก)