รอยเตอร์/เอเจนซีส์– ไทยเริ่มใช้มาตรการบังคับใหม่ตั้งแต่เมื่อวาน(26 เม.ย) ขณะยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 15 รายภายใน 24 ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญชี้ต้องใช้การตรวจหาเชื้อแบบเชิงรุกและให้ภูมิคุ้มกันวัคซีนโควิด-19อย่างรวดเร็วเป็นคำตอบแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังถูกทุบจากการระบาดระลอกใหม่
รอยเตอร์รายงารวันนี้(27 เม.ย)ว่า ไทยรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตวันอังคาร(27)จำนวน 15 คนและเป็นการสร้างสถิติติดต่อกัน 3 วันขณะที่ผู้เชี่ยวชาญออกมาชี้ ปัญหาเนื่องมาจากการตรวจเชื้อยังไม่ครอบคลุมพอ
“หากว่าเราไม่สามารถคัดกรองผู้คนที่แอบแพร่เชื้ออยู่เงียบๆ มันจะยังคงมีการระบาดต่อไปรวมไปถึงการกลายพันธุ์ของไวรัส เนื่องมาจากการให้ภูมิคุ้มกันที่ไม่มีประสิทธิภาพ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ( Thiravat Hemachudha)ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊ก ท่ามกลางกระแสจากสาธารณะวิจารณ์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในการรับมือการระบาดรวมทั้งความล้มเหลวในเรื่องยุทธศาสตร์วัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งก่อนหน้าที่ไทยจะหันไปเรียกใช้บริการวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคและได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย “สปุตนิค วี” ฝ่ายไทยตั้งเป้าที่จะใช้เพียงแต่ของค่ายแอสตราเซเนกาของอังกฤษเพียงอย่างเดียวถึงแม้หลังจากนั้นจะมีการใช้วัคซีนไซโนแวคของจีนก็ตาม
ในรายงานของบลูมเบิร์กวันนี้(27) พบว่าไทยต้องหันกลับมาคิดใหม่ในเรื่องวัคซีน โดยพบว่าในวันพุธ(28)นายกฯของไทยจะพบกับบรรดากลุ่มอุตสาหกรรม ที่รวมไปถึงหอการค้าไทยและสมาคมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อหารือการเร่งแผนการระดมแจกวัคซีนให้เร็วขึ้น ซึ่งในเวลานี้พบว่าไทยฉีดวัคซีนไปแล้วไม่ถึง 1% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
โดยในที่ประชุมจะถือเป็นวาระที่ต้องการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหาวัคซีนโควิด-19ให้สำหรับลูกจ้างของตัวเอง หลังก่อนหน้าได้เคยชี้ว่า ไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น
การระบาดรอบใหม่สร้างความกดดันพลเอกประยุทธ์ทำให้เขาต้องออกมาประกาศใช้มาตรการโควิด-19แบบเข้มข้นอีกครั้งหลังคลัสเตอร์การระบาดหลุดออกมาจากสถานบันเทิงยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ และการระบาดยังทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องเปิดโรงพยาบาลสนามและเปลี่ยนโรงแรมเป็นสถานที่รักษาพยาบาลแต่เสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้มีการเร่งกระจายวัคซีนและการล็อกดาวน์
รอยเตอร์เตือนว่า ไทยรายงานเคสเพิ่มสูงกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนเคสโควิด-19 ทั้งหมด 59,687แค่เฉพาะในเดือนนี้ และมีผู้เสียชีวิต 69 คนจากทั้งหมด 163 คน มีการเซ็นคำสั่งปิดสวนสาธารณะ โรงยิม โรงภาพยนต์ และโรงเรียนในกรุงเทพฯซึ่งเป็นศูนย์กลาง
การระบาด แต่ห้างสรรพสินค้าและภัตตาคารยังสามารถเปิดได้ต่อไปแต่ลดเวลาทำการลง
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ให้ความเห็นกับรอยเตอร์ว่า การระบาดระลอก 3 ในไทยเป็นผลมาจากเคสที่หลุดรอดการตรวจสอบซึ่งสะสมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาชี้ว่า โดยเฉลี่ย 10 -20 เคส/วันก่อนเกิดการระบาดระลอกใหม่เนื่องมาจากเรามีการตรวจหาเชื้อไม่ครอบคลุมมากพอ
ซึ่งไทยยังไม่เคยมีการนำวิธีการตรวจหาเชื้อแบบวงกว้างมาใช้เหมือนเช่นในเกาหลีใต้ จีน หรือสหรัฐฯ แต่เลือกที่จะใช้วิธีการตรวจไปที่แบบเจาะจงเป้าหมาย ซึ่งข้อมูลการตรวจที่แน่นอนนั้นเป็นการยากที่จะรู้ได้ โดยในเวลานี้ห้องแล็บวิทยาศาสตร์กำลังตรวจสอบราว 40,000-50,000 ตัวอย่าง/วัน อ้างอิงจากคำแถลงจากกระทรวงสาธารณสุข
ซึ่งการตรวจหาเชื้อจะไม่เสียค่าใช้จ่ายเฉพาะในกรณีที่ต้องสงสัยว่าสัมผัสกับผู้ติดเชื้อและแสดงอาการป่วยคล้ายโรคหวัดออกมาให้เห็น แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอุบัติใหม่ของสภากาชาดไทยกลับชี้ว่า สิ่งที่จะได้ผลคือทุกคนต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อไม่ว่าจะแสดงอาการป่วยออกมาหรือไม่ก็ตาม
ขณะที่ ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ (Somprawin Manprasert )หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารกรุงศรีอยุธยา พีแอลซี หน่วยการวิจัย แสดงความเห็นในแนวทางที่จะทำให้ไทยออกจากวิกฤตโควิด-19ที่กำลังทุบเศรษฐกิจประเทศในเวลานี้กับบลูมเบิร์กว่า
“กุญแจของทางออกจากวิกฤตคือวัคซีน” และได้เสริมต่อว่า “การที่แจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ช้าลงจะยิ่งทำให้การกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งต้องล่าช้าออกไปและจะทำลายเศรษฐกิจมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นจังหวัดที่พึ่งการท่องเที่ยวเป็นหลักยังคงเดินหน้าแผนให้ภูมิคุ้มกันแก่ชาวภูเก็ตในพื้นที่ให้ได้ 70% ภายในกรกฎาคมที่จะถึงเพื่อจะทำให้ทางภูเก็ตสามารถกลับมาเปิดเกาะได้อีกครั้งและไม่ต้องสั่งกักตัวนักท่องเที่ยวเพื่อดูอาการ
กลุ่มภาคธุรกิจไทยกำลังผลักดันให้มีจำนวนวัคซีนเพิ่มมากขึ้นจากรัฐบาลส่วนกลางจากการที่วิกฤตได้ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่องานและเศรษฐกิจของประเทศ แรงผลักดันในการกลับมาเปิดทางการท่องเที่ยวอีกครั้งเป็นผลมาจากวิกฤตการตกงานมหาศาลและความเสี่ยงต่อการหายไปของรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ที่ไทยได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ส่วนทางธนาคารกลางไทยได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงต่อของการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ 3% ของไทยในปีนี้ และมีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งได้ออกมาปรับลดตัวเลขการคาดการณ์ลงโดยอ้างไปถึงปัจจัยที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่
บลูมเบิร์กชี้ว่า ในเวลานี้ปัญหาเฉพาะหน้าสำหรับผู้นำไทยคือการปรับยุทธศาสตร์วัคซีนใหม่ โดยในวันจันทร์(26) หอการค้าไทยได้เริ่มต้นรับคำสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19จากสมาชิกที่ต้องออกค่าใช้จ่ายกันเอง ถือเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่การฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
โดยพลเอกประยุทธ์แถลงวันอังคาร(27)ยอมรับว่า ภาครัฐและเอกชนจะร่วมมือกันในการจัดหาวัคซีนเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับให้คำมั่นว่ารัฐบาลไทยจะให้หลักประกันต่อผลข้างเคียงของการฉีดที่จะเกิดขึ้น