อเมริกาประกาศสนับสนุนการยกเว้นสิทธิบัตรวัคซีนโควิด ด้านอียูเผยพร้อมหารือ ขณะที่อินเดียยังทำสถิติสูงสุดทั้งยอดผู้เสียชีวิตและผ๔เติดเชื้อ ซ้ำที่ปรึกษาระดับสูงของรัฐบาลยังออกมาเตือนให้เตรียมพร้อมรับมือการระบาดระลอก 3 ที่อาจเลี่ยงไม่พ้น เมื่อพิจารณาจากไวรัสที่มีความสามารถในการแพร่กระจายสูงมาก และจะทำให้อินเดียต้องพึ่งพิงออกซิเจนจากประเทศอื่นๆ
พวกประเทศร่ำรวยกำลังถูกกล่าวหาว่า กักตุนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการเริ่มโปรแกรมฉีดวัคซีนของบรรดาประเทศยากจน ขณะที่ไวรัสโคโรนาอาละวาดหนักในประเทศกำลังพัฒนา สวนทางกับที่สหรัฐฯและยุโรปสามารถเดินหน้าผ่อนคลายบรรดามาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกันโรคระบาด
ภายใต้ความกดดันมหาศาลให้ลดการปกป้องคุ้มครองพวกบริษัทยาที่เป็นผู้ผลิตวัคซีน เมื่อวันพุธ (5 พ.ค.) แคเทอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ออกมาแถลงว่า วอชิงตันสนับสนุนการยกเว้นใช้สิทธิบัตรวัคซีนป้องกันโควิด เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถือเป็นสถานการณ์พิเศษที่จะต้องรับมือด้วยมาตรการพิเศษ
ส่วนสหภาพยุโรป เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู กล่าวในวันพฤหัสบดี (6) ว่า บรัสเซลส์พร้อมหารือข้อเสนอของอเมริกาเพื่อร่วมต่อสู้กับวิกฤตไวรัสด้วยแนวทางที่มีประสิทธิภาพ
ด้าน เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ยกย่องความเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการต่อสู้กับโควิด เช่นเดียวกับนิวซีแลนด์และออสเตรเลียที่ออกมาสนับสนุนและชื่นชมคำประกาศของอเมริกา
ตรงข้ามกับฝรั่งเศสที่เห็นว่า ควรช่วยเหลือประเทศที่ขาดแคลนวัคซีนด้วยการบริจาคมากกว่า
ขณะที่กลุ่มบริษัทยายักษ์ใหญ่พากันวิจารณ์ว่า การตัดสินใจของอเมริกา “น่าผิดหวัง” และเตือนว่า อาจบ่อนทำลายการสร้างสรรค์นวัตกรรมในอนาคต โดยเฉพาะหากเกิดวิกฤตโรคระบาดครั้งใหม่
ในการแถลงของสหรัฐฯนั้น ไท่ ยอมรับว่า เนื่องจากองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ใช้แนวทางฉันทามติ ดังนั้นนการเจรจาเรื่องนี้คงต้องใช้เวลาอีกนาน
อินเดีย ซึ่งร่วมกับแอฟริกาใต้ ยื่นข้อเสนอนี้ต่อดับเบิลยูทีโอตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อเปิดทางให้บริษัทยาอื่นๆ จำนวนมาก สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตเพื่อให้กระจายวัคซีนได้อย่างทั่วถึงมากขึ้นนั้น กำลังเผชิญการระบาดระลอก 2 ที่รุนแรงกว่าระลอกแรกมากมายมหาศาล มีผู้ป่วยมากมายเสียชีวิตอยู่ข้างถนนหน้าโรงพยาบาล เนื่องจากขาดแคลนทั้งเตียง ยา และออกซิเจน
ในวันพฤหัสฯ (6) กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาว่าอยู่ที่ 3,980 คน และติดเชื้อ 412,262 คน ซึ่งเป็นการทำลายสถิติสูงสุดทั้งคู่ และดับความหวังว่า สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายหลังจากจำนวนเคสใหม่ลดลงต่อเนื่องมาหลายวัน
ซ้ำร้าย เค. วีเจย์ รักฆวาน หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลยังเตือนว่า สถานการณ์เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง และสำทับว่า อินเดียไม่สามารถหลีกเลี่ยงการระบาดระลอก 3 ได้เมื่อพิจารณาจากไวรัสที่มีความสามารถในการแพร่กระจายสูงมาก และจะทำให้อินเดียต้องพึ่งพิงออกซิเจนจากประเทศอื่นๆ
นานาชาติ ทั้งอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ รัสเซีย จีน และอีกหลายประเทศ เริ่มจัดส่งออกซิเจนและอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ ให้อินเดียตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของรัฐบาลเผยว่า อินเดียยังต้องต่อสู้ต่อจนกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะนิ่ง ซึ่งถ้าได้ออกซิเจนเพิ่มก็จะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียเร่งออกมาตรการสกัดไวรัสในเมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ เมื่อวันพฤหัสฯ หลังพบผู้ติดเชื้อ 2 คน ซึ่งถือเป็นการระบาดในท้องถิ่นครั้งแรกในรอบกว่าเดือน โดยชาวเมือง 5 ล้านคนต้องสวมหน้ากากเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะและในอาคาร มีผลตั้งแต่วันพฤหัสฯ จนถึงเช้าวันจันทร์หน้า (10) ขณะที่นิวซีแลนด์ประกาศระงับแผนการท่องเที่ยวทราเวล บับเบิลกับรัฐนิวเซาท์เวลส์ชั่วคราว จนกว่าจะพบต้นตอการระบาดล่าสุดในซิดนีย์
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อที่พบเป็นชายวัย 50 ปี ที่ทำให้ภรรยาติดไปด้วย โดยชายผู้นี้ไม่มีความเชื่อมโยงกับงานหรือบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง และจากการตรวจพบว่า ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดียที่เชื่อมโยงกับผู้เดินทางคนหนึ่งที่กลับจากอเมริกา ทว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถหาความเชื่อมโยงของบุคคลทั้งคู่ได้
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)