เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมของโลก (จี 7) ซึ่งพบปะกันตัวเป็นๆ ครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีที่ลอนดอนต้องสะดุ้งผวา หลังพบว่าสมาชิก 2 คนในคณะผู้แทนอินเดียซึ่งได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นกรณีพิเศษติดเชื้อโควิด-19 และต้องกักกันตัวในทันที
รัฐบาลอังกฤษแถลงวันพุธ (5 พ.ค.) ว่า คณะผู้แทนจากอินเดียทั้งคณะที่ได้รับเชิญร่วมประชุมกับรัฐมนตรีจี 7 ต้องกักตัวหลังจากพบสมาชิก 2 คนติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ขณะที่โทรทัศน์สกาย นิวส์ของอังกฤษรายงานว่า สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย ไม่ใช่ 1 ใน 2 ผู้ติดเชื้อ ส่วนตัวรัฐมนตรีชัยศังกระเองโพสต์ทวิตเตอร์ระบุว่า จากนี้ไปเขาจะเข้าร่วมประชุมกับจี 7 ในแบบเสมือนจริง
เจ้าหน้าที่อังกฤษยืนยันว่า การประชุมยังจะดำเนินต่อไปภายใต้มาตรการป้องกันไวรัสอย่างเข้มงวดที่ใช้กันอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงการตรวจผู้เข้าประชุมทุกคนทุกวันระหว่างการประชุมเป็นเวลา 2 วันที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันอังคาร (4) การรักษาระยะห่างทางสังคม และการสวมหน้ากากป้องกัน
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่สุดในการหารือครั้งนี้ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีที่เหล่ารัฐมนตรีได้ร่วมประชุมกันแบบพบหน้าค่าตากันจริงๆ คือคำถามว่า ควรท้าทายหรือเกลี้ยกล่อมจีนที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลก
อังกฤษในฐานะประเทศเจ้าภาพ แสดงความกระตือรือร้นต้องการแสดงให้โลกเห็นว่ากลุ่มจี 7 ยังคงมีอิทธิพลในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นลอนดอนก็เตือนว่า ท่าทีที่ก้าวร้าวมากขึ้นของรัสเซีย จีน และอิหร่าน กำลังท้าทายสังคมประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม โดมินิก ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ย้ำว่า การประชุมนี้สะท้อนว่าแนวทางมุ่งแก้ปัญหาโดยใช้การทูตกำลังกลับมาอีกครั้ง
ด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา ขานรับว่า วอชิงตันกลับมาอ้าแขนรับพันธมิตรนานาชาติ นับจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยุตินโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของโดนัลด์ ทรัมป์ ประมุขทำเนียบขาวคนก่อนหน้า
บลิงเคนเน้นสิ่งที่เขาพูดเรื่อยมา นั่นคือ การที่สหรัฐฯ เข้ามีปฏิสัมพันธ์กับจีนจากตำแหน่งที่แข็งแกร่ง หมายความถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน ไม่ใช่การดูหมิ่น รวมไปถึงการเป็นผู้นำและการมีส่วนร่วมกับองค์กรพหุภาคีและองค์กรระหว่างประเทศที่เป็นผู้ร่างกฎต่างๆ เนื่องจากตระหนักดีว่าหากวอชิงตันเฉยชาไม่เข้าร่วมหรือมีบทบาท ปักกิ่งก็มีแนวโน้มพยายามเข้าแทนที่วอชิงตัน
รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติจี 7 ซึ่งได้แก่ อังกฤษ อเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ยังหารือกันเกี่ยวกับการรัฐประหารในพม่า วิกฤตมนุษยชนในซีเรีย สถานการณ์อันตรายในอัฟกานิสถานที่ทหารอเมริกันและพันธมิตรในกลุ่มสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) กำลังจะถอนออกหลังจากเข้าไปอยู่ในประเทศนั้นมานาน 2 ทศวรรษ
กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษแถลงว่า จี 7 จะหารือเกี่ยวกับกิจกรรมประสงค์ร้ายของรัสเซียที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการที่มอสโกเพิ่มกำลังทหารตามแนวชายแดนติดกับยูเครน และการคุมขังอเล็กเซ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม แม้สมาชิกจี 7 มีแนวโน้มตกลงกันได้ในเงื่อนไขกว้างๆ ในการประณามการคุมขังนาวัลนี หรือการที่ปักกิ่งกดขี่ชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง แต่พันธมิตรกลุ่มนี้ยังมีความเห็นไม่ลงรอยเกี่ยวกับวิธีรับมือประเทศอย่างจีนและรัสเซีย ซึ่งน่าจะส่งผลให้ในคำแถลงสุดท้ายหลังปิดประชุมในวันพุธ จะต้องกล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยภาษาที่ละมุนละม่อม
สำหรับคำถามว่าจะมีการส่งข้อความถึงรัฐบาลเหล่านั้นอย่างไร รัฐมนตรีราบตอบกว้างๆ ว่า จี 7 เชื่อมั่นในระบบการค้า สังคม สิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตยที่เปิดกว้าง รวมทั้งการปกป้องและส่งเสริมภาวะอยู่ดีมีสุขของประชาชน
นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มว่า เหล่ารัฐมนตรีจี 7 จะพยายามตกลงกันเกี่ยวกับวิธีทำให้วัคซีนโควิด-19 มีพร้อมสำหรับทั่วโลกในระยะยาว เพียงแต่ตอนนี้ประเทศมั่งคั่งยังลังเลที่จะสละวัคซีนอันมีค่าที่สำรองไว้จนกว่าจะฉีดให้ประชาชนของตนเองครบก่อน
รัฐบาลอังกฤษที่เป็นประธานจี 7 ในปีนี้ยังเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย อินเดีย เกาหลีใต้ และแอฟริกาใต้ ร่วมประชุมเพื่อตอกย้ำการสนับสนุนประชาธิปไตยของกลุ่ม ขณะที่ลอนดอนพยายามกระชับความสัมพันธ์กับเอเชียหลังจากที่ตนเองได้ถอนตัวจากสหภาพยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากนี้ คือในเดือนมิถุนายน นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ยังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมจี 7 ระดับผู้นำ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่คอร์นวอลล์
(ที่มา : เอเอฟพี, เอพี, รอยเตอร์)