รอยเตอร์ - ยอดผู้ป่วยโควิดรายใหม่ที่อินเดียในวันอาทิตย์ (2 พ.ค.) ขยับลงเล็กน้อยจากที่พุ่งทะลุ 400,000 คนเป็นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ (1 พ.ค.) แต่จำนวนผู้เสียชีวิตยังเดินหน้าทำสถิติใหม่ที่ 3,689 คน รัฐต่างๆ ประกาศล็อกดาวน์เองไม่รอรัฐบาลกลาง ขณะที่ระบบสาธารณสุขไม่สามารถแบกรับได้อีกต่อไป ขณะเดียวกัน คณะผู้เชี่ยวชาญที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้นพบการกลายพันธุ์ของตัวอย่างไวรัสบางตัวอย่างที่อาจหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันได้
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานในวันอาทิตย์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น 392,488 คนในรอบ 24 ชั่วโมงก่อนหน้า หลังจากทะลุ 400,000 คนเป็นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ รวมผู้ป่วยสะสม 19.56 ล้านคน และเสียชีวิต 215,542 คน
จากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันกว่า 300,000 คนยาวนานเกิน 10 วัน ส่งผลให้ทั้งโรงพยาบาล ห้องเก็บศพ และเมรุล้น หลายครอบครัวต้องดิ้นรนหายาและออกซิเจนเอง
เกือบ 10 รัฐและดินแดนสหภาพบังคับใช้มาตรการจำกัดบางรูปแบบ เช่น ห้ามออกจากบ้านตอนกลางคืนหรือล็อกดาวน์ในช่วงสุดสัปดาห์ โดยโอดิชาเป็นรัฐล่าสุดที่ออกคำสั่งล็อกดาวน์นาน 2 สัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลกลางยังลังเลประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศเนื่องจากกังวลกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หลังจากการล็อกดาวน์เมื่อปีที่แล้วทำให้คนมากมายตกงาน และผลผลิตทางเศรษฐกิจดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ถึง 24% ในเดือนเมษายน-มิถุนายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2019
หนังสือพิมพ์อินเดียน เอ็กซ์เพรสส์ฉบับวันอาทิตย์รายงานว่า ทีมเฉพาะกิจรับมือโควิด-19 แนะนำให้รัฐบาลสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ แต่นอกจากจะไม่ปฏิบัติตามแล้ว รัฐบาลยังปล่อยให้ประชาชนนับล้านร่วมเทศกาลทางศาสนาโดยที่ส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากากใน 5 รัฐในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งทำให้จำนวนเคสใหม่รายวันในรัฐเหล่านั้นพุ่งกระฉูดนับจากนั้นเป็นต้นมา
รอยเตอร์รายงานเมื่อวันเสาร์ว่า รัฐบาลอินเดียยังถูกกล่าวหาว่าล้มเหลวในการรับมือตามคำเตือนของคณะที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมว่า ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่เชื้อได้มากขึ้นกำลังระบาดในประเทศ
ตามรายงานของรอยเตอร์ กลุ่มศึกษาพันธุศาสตร์เชื้อโรคโควิด-19 แห่งอินเดีย (INSACOG) ที่รัฐบาลกลางจัดตั้งขึ้นและประกอบด้วยห้องปฏิบัติการวิจัยแห่งชาติ 10 แห่ง ได้ค้นพบการกลายพันธุ์เล็กน้อยในตัวอย่างไวรัสโคโรนาบางตัวอย่าง ซึ่งอาจหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันได้ และต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
อย่างไรก็ตาม คณะที่ปรึกษากลุ่มนี้สำทับว่า ขณะนี้ไม่มีเหตุผลให้เชื่อว่าการกลายพันธุ์ดังกล่าวกำลังขยายตัวหรืออาจเป็นอันตรายได้
ทั้งนี้ นักวิจัยกำลังศึกษาต้นเหตุของการระบาดล่าสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นหาว่าสาเหตุมาจากไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ บี.1.617 ที่พบครั้งแรกในอินเดียหรือไม่ ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่ได้ประกาศว่า ไวรัสสายพันธุ์อินเดียเป็น “สายพันธุ์ที่น่ากังวล” เหมือนสายพันธุ์อังกฤษ บราซิล และแอฟริกา
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 เมษายน ฮูระบุว่า การทำแบบจำลองในระยะเริ่มต้นโดยอิงกับการหาลำดับเบสของสารพันธุกรรมบ่งชี้ว่าไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ บี.1.617 มีอัตราการเติบโตสูงกว่าไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อื่นๆ ที่ระบาดอยู่ในอินเดีย
