“ไบเดน” เผยแผนปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของสหรัฐฯ มูลค่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อปรับโฉมเศรษฐกิจครั้งมโหฬาร รวมทั้งเพื่อรับมือความท้าทายจากจีน โดยคาดว่าจะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง อย่างไรก็ดี ทั้งรีพับลิกันและภาคธุรกิจต่างออกมาคัดค้านการเล็งระดมทุนมาใช้ในโครงการ ด้วยวิธีขึ้นภาษีนิติบุคคล
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเมื่อวันพุธ (31 มี.ค.) ในศูนย์ฝึกของสหภาพแรงงานช่างไม้ในเมืองพิตส์เบิร์กว่า การปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานอย่างมโหฬารเช่นนี้ถือเป็นการลงทุนของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีครั้งเดียวในหนึ่งชั่วอายุคน โดยจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยเห็นหรือเคยทำมาก่อน ภายหลังจากที่สหรัฐฯ สร้างระบบทางหลวงเชื่อมต่อระหว่างรัฐต่างๆ และการแข่งขันชิงชัยทางด้านอวกาศเมื่อหลายทศวรรษที่แล้ว รวมทั้งจะเป็นการลงทุนเพื่อสร้างงานขนาดใหญ่ที่สุดของอเมริกาภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจะสร้างงานที่มีผลตอบแทนสูงหลายล้านตำแหน่ง
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอธิบายเพิ่มเติมว่า แผนการใช้จ่ายมูลค่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์นี้ จะทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก ขณะที่ประเทศก็จะยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและต่อสู้กับผลกระทบเลวร้ายจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ นอกจากนั้น แผนการนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการต่อสู้กับการลงทุนด้านเทคโนโลยีและภาคสาธารณะอย่างมหาศาลของจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก และกำลังไล่กวดอเมริกาอย่างรวดเร็วเพื่อแย่งชิงตำแหน่งอันดับ 1 ของโลก
โครงการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ กำหนดวิธีการสำคัญในการหาทุนมาดำเนินการ เอาไว้ที่การขึ้นภาษีนิติบุคคล ซึ่งแน่นอนว่าจะถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากภาคธุรกิจ รวมทั้งเหล่าสมาชิกรัฐสภาของรีพับลิกัน
กระนั้น ไบเดนหวังว่าจะสามารถผลักดันแผนการนี้ผ่านความเห็นชอบของคองเกรสได้ภายในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยอาศัยสมาชิกเดโมแครตที่ครองเสียงข้างมากแบบบางเฉียบในทั้งสองสภา
การขึ้นภาษีนิติบุคคลมีเป้าหมายเพื่อระดมเงินอุดหนุนแผนการนี้ในช่วงเวลา 15 ปีควบคู่ไปกับการลดยอดขาดดุลงบประมาณของประเทศไปด้วย เท่ากับว่า ไบเดนต้องยกเลิกมาตรการยกเครื่องภาษีปี 2017 ซึ่งเน้นหนักการลดภาษี ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และจะต้องขึ้นภาษีนิติบุคคลจากอัตรา 21% เป็น 28%
ไบเดนอ้างอิงว่า เวลานี้ 91% ของบริษัทในทำเนียบฟอร์จูน 500 ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงยักษ์ใหญ่ แอมะซอน ด้วย ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ให้สหรัฐฯแม้แต่เพนนีเดียว ขณะที่ผู้อยูในอาชีพพนักงานดับเพลิงและครูกลับต้องจ่ายในอัตราสูงถึง 22%
ทำเนียบขาวแจงว่า งบประมาณก้อนใหญ่ที่สุดของแผนการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานนี้ จะเป็นงบประมาณ 621,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการสร้างถนน สะพาน ระบบขนส่งสาธารณะ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานด้านการเดินทางขนส่งอื่นๆ
งบประมาณอีก 111,000 ล้านดอลลาร์จะจัดสรรสำหรับการเปลี่ยนท่อน้ำที่ทำจากตะกั่วและปรับปรุงท่อระบายน้ำ, 100,000 ล้านดอลลาร์สำหรับเครือข่ายบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต, 100,000 ล้านดอลลาร์สำหรับยกระดับเครือข่ายไฟฟ้าเพื่อจัดส่งพลังงานสะอาด เป็นต้น
การก่อสร้างใหม่ๆ เหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเติบโตอย่างร้อนแรงจากที่ได้รับการกระตุ้นจากมาตรการเยียวยาโควิดมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของไบเดนก่อนหน้านี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาพุ่งขึ้นเกิน 6% ในปีปัจจุบัน
นอกจากนั้น ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ไบเดนจะประกาศร่างกฎหมายใหม่ที่มีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจะเน้นการลงทุนด้านการดูแลเด็ก เครดิตภาษีครอบครัว ฯลฯ และได้รับการอุดหนุนจากการขึ้นภาษีคนรวย
บรรดาผู้นำเดโมแครตต่างอ้าแขนรับแผนการที่ไบเดนประกาศเมื่อวันพุธ โดย ส.ว.ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภากล่าวว่า แผนการนี้จะสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง
ทว่า ส.ว.มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำรีพับลิกันในสภาสูง โจมตีว่า แผนการของไบเดนเป็นแค่ “ม้าเมืองทรอย” ของพวกฝ่ายซ้ายสุดโต่ง เพื่อผลักดันการขึ้นภาษีซึ่งจะทำลายการจ้างงานและขัดขวางการขึ้นค่าแรง
ด้าน นีล แบรดลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบายของสมาคมหอการค้าอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนสำคัญของภาคธุรกิจ แถลงว่าเห็นด้วยกับไบเดนเกี่ยวกับความจำเป็นเร่งด่วนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่คัดค้านการใช้วิธีขึ้นภาษีเนื่องจากจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจและบ่อนทำลายศักยภาพการแข่งขันของอเมริกาในตลาดโลก ขณะที่ เดอะ บิสิเนส ราวด์เทเบิล ซึ่งเป็นกลุ่มซีอีโอบริษัทชั้นนำแสดงความต้องการให้ใช้วิธีเก็บค่าใช้บริการ เช่น ทางด่วน จากผู้ใช้มาอุดหนุนโครงการนี้มากกว่า
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)