เอเอฟพี - รายงานจากผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่ได้รับมอบหมายให้สืบค้นต้นตอโควิด-19 ที่เมืองอู่ฮั่น พบแนวโน้มสูงที่ไวรัสโคโรนาจะมาจากค้างคาวและมีสัตว์อื่นเป็นพาหะตัวกลางนำมาถ่ายทอดต่อสู่คน ขณะตัดความเป็นไปได้ที่เชื้อโรคร้ายนี้หลุดมาจากห้องแล็บอู่ฮั่นตามที่คณะบริหารของทรัมป์เชื่อ
หลังจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ปรากฏขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อเดือนธันวาคม 2019 คร่าชีวิตผู้คนจนถึงขณะนี้เกือบ 2.8 ล้านคน แต่ยังไม่มีใครไขปริศนาได้ว่าไวรัสมรณะนี้มีที่มาที่แท้จริงอย่างไรและถ่ายทอดสู่มนุษย์ได้อย่างไร
ต้นปี 2021 นี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเดินทางไปตรวจสอบที่เมืองอู่ฮั่น ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์หลังเสร็จสิ้นภารกิจการตรวจสอบ คณะผู้เชี่ยวชาญชุดนี้จัดแถลงข่าวร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจีน โดยระบุชัดเจนว่าไม่สามารถสรุปได้ว่าไวรัสโคโรนามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้หลายข้อ
สำหรับการตีพิมพ์รายงานผลการตรวจสอบของคณะผู้เชี่ยวชาญชุดนี้นั้น ปรากฏว่าได้มีการเลื่อนออกไปหลายครั้ง รายงานนี้ร่างโดยผู้เชี่ยวชาญนานาชาติจำนวน 17 คน และผู้เชี่ยวชาญจีน 17 คนเท่ากัน โดยความล่าช้าถูกระบุว่าเนื่องจากปัญหาการประสานงานและการแปล การเลื่อนการเปิดเผยผลการตรวจสอบหลายรอบเช่นนี้ส่งผลให้ WHO ถูกโจมตีอย่างหนัก สมทบกับเรื่องความล่าช้าในการส่งคณะผู้เชี่ยวชาญไปจีนตั้งแต่แรก
ในวันจันทร์ (29 มี.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่าได้เห็นรายงานขั้นสุดท้ายของคณะผู้เชี่ยวชาญชุดนี้ก่อนที่ WHO จะเผยแพร่อย่างเป็นทางการ และระบุว่าเอกสารซึ่งได้รับการคาดหวังกันอย่างสูงนี้แทบไม่ได้มีการเสนอข้อสรุปที่ยืนยันอย่างหนักแน่นเลย
รายงานนี้บอกว่า มีหลักฐานซึ่งเสนอแนะว่าการระบาดของโควิด-19 อาจเริ่มต้นขึ้นมาหลายเดือนแล้วก่อนที่จะมีการตรวจจับพบที่เมืองอู่ฮั่นในเดือนธันวาคม 2019 และเรียกร้องให้ดำเนินการทดสอบสารภูมิต้านทานโควิดของตัวอย่างในธนาคารเลือดเมืองอู่ฮั่น โดยย้อนหลังไปไกลจนถึงเดือนกันยายน 2019
คณะผู้เชี่ยวชาญซึ่งเขียนรายงานนี้บอกว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าตลาดอู่ฮั่นมีบทบาทอย่างไรในการเป็นตัวจุดชนวนหรือในการขยายการแพร่ระบาดเบื้องต้น รวมทั้งไม่ได้เสนอคำตอบที่ชัดเจนใดๆ ให้แก่คำถามที่ว่าไวรัสนี้กระโดดมาสู่มนุษย์ครั้งแรกสุดได้อย่างไร
มาริออน คูปมานส์ นักไวรัสวิทยาชาวดัตช์ ซึ่งเป็นสมาชิกผู้หนึ่งในทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ ไม่เห็นด้วยที่จะมุ่งโฟกัสไปยังพวกคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ โดยเน้นย้ำในข้อความที่โพสต์ทางทวิตเตอร์ว่า คณะของเธอได้เสนอข้อมูลข่าวสารออกมาเป็นจำนวนมากมายมหาศาล
“ไม่ได้ตอบคำถามทุกสิ่งทุกอย่าง แต่แน่นอนว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี” เธอบอก
คณะผู้เชี่ยวชาญชุดนี้ศึกษาทฤษฎีหรือข้อสันนิษฐานจำนวนหนึ่งในเรื่องที่ว่าโควิด-19 น่าจะมีต้นตอแหล่งกำเนิดมาจากไหน
พวกเขาเชื่อว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือเรียกกันอย่างเป็นทางการตามหลักวิชาการคือไวรัส SARS-CoV-2 นั้น มีแหล่งกำเนิดต้นตอมาจากค้างคาว
ทฤษฎีหนึ่งที่คณะผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้สำรวจศึกษากัน เชื่อว่าไวรัสนี้กระโดดจากค้างคาวมาสู่มนุษย์โดยตรง และรายงานสุดท้ายฉบับนี้วินิจฉัยตัดสินว่า ฉากทัศน์นี้ “เป็นไปได้จนถึงน่าจะเป็นจริงได้”
ขณะที่รายงานพบว่า ฉากทัศน์อีกอย่างหนึ่งซึ่งมีความน่าจะเป็นมากกว่า ได้แก่การที่ไวรัสนี้กระโดดจากค้างคาวมาสู่สัตว์อีกอย่างหนึ่ง แล้วจากสัตว์ดังกล่าว ไวรัสนี้จึงกระโดดเข้ามาทำให้มนุษย์ติดเชื้อ
“ถึงแม้ไวรัสที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุด (กับ SARS-CoV-2) ได้มีการค้นพบในค้างคาว ทว่าความห่างไกลในทางวิวัฒนาการระหว่างไวรัสในค้างคาวเหล่านี้กับ SARS-CoV-2 นั้นประมาณการกันว่าน่าจะเป็นเวลาหลายๆ ทศวรรษทีเดียว บ่งชี้ให้เห็นว่ามันมีตัวเชื่อมโยงที่ขาดหายไป” ซึ่งก็คือมีสัตว์อีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวกลางคั่นระหว่างค้างคาวกับคน
“ฉากทัศน์นี้ ซึ่งครอบคลุมถึงการถ่ายทอดเชื้อผ่านสัตว์ที่เป็นตัวกลาง ได้รับการพิจารณาว่ามีความน่าจะเป็นจริงได้ จนถึงมีความน่าจะเป็นจริงได้เอามากๆ” รายงานนี้บอก
อย่างไรก็ดี รายงานไม่ได้มีการระบุสรุปว่าสัตว์ชนิดไหนที่เป็นตัวแรกซึ่งเปิดทางให้ไวรัสกระโดดมาสู่มนุษย์ แต่ได้ระบุชื่อสัตว์ที่อาจเป็นไปได้จำนวนหนึ่ง เป็นต้นว่า มิงก์, ตัวนิ่ม, กระต่าย, และหมาหริ่ง
ข้อสันนิษฐานประการที่ 3 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคณะนี้ตรวจสอบศึกษาคือ เป็นไปได้หรือไม่ที่ไวรัสนี้อาจจะถูกนำเข้าจากต่างแดนมายังอู่ฮั่นในรูปของอาหารแช่แข็ง ซึ่งนี่เป็นทฤษฎีที่ปักกิ่งแสดงความชื่นชอบ โดยที่จีนตั้งข้อกังขาต่อสมมติฐานซึ่งเชื่อกันตั้งแต่ตอนแรกๆ ว่า ไวรัสนี้มีต้นกำเนิดในประเทศจีน
ปรากฏว่ารายงานนี้ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่อาจมีการถ่ายทอดเชื้อผ่านอาหารแช่แข็ง เนื่องจากไวรัสนี้ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถมีชีวิตอยู่ได้บนบรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็ง และคณะผู้เชี่ยวชาญจึงระบุว่าทฤษฎีนี้ “เป็นไปได้”
แต่ในขณะที่รายงานนี้บอกว่ามีหลักฐานบางชิ้นที่แสดงว่ามีคนที่อาจติดเชื้อโควิด-19 โดยผ่านการสัมผัสกับพวกผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งที่ปนเปื้อนเชื้อ ทว่ามันไม่น่าจะเป็นจริงเป็นอย่างยิ่งที่ว่า นี่คือวิธีการที่ไวรัสนี้เริ่มปรากฏขึ้นมา
สุดท้าย รายงานนี้ได้ตรวจสอบศึกษาแนวความคิดที่ว่า แล็บแห่งหนึ่งเป็นผู้ที่ปล่อยให้ไวรัสนี้รั่วไหลออกมา ตัวอย่างเช่น สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น-ซึ่งเป็นทฤษฎีที่โปรโมตโดยคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
รายงานได้ชี้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีบันทึกใดๆ เลยที่แสดงว่าในช่วงเวลาก่อนเดือนธันวาคมปี 2019 มีการเพาะเลี้ยงไวรัสใดๆ ที่มีความคล้ายคลึงกับ SARS-CoV-2 ไม่ว่าในห้องแล็บไหนก็ตามที พร้อมกันนั้นรายงานได้เน้นย้ำถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในระดับสูงซึ่งใช้อยู่ในห้องแล็บที่อู่ฮั่น
“ห้องแล็บแห่งหนึ่งเป็นต้นตอแหล่งกำเนิดของโรคระบาดใหญ่นี้ ได้รับการพิจารณาว่ามีความไม่น่าจะเป็นจริงได้อย่างที่สุด” รายงานฉบับนี้บอก
อย่างไรก็ตาม ที่นครเจนีวาเมื่อวันจันทร์ (29) เทดรอส อัดดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ได้กล่าวย้ำระหว่างการแถลงข่าวว่า ทฤษฎีข้อสันนิษฐานทุกๆ ประการเหล่านี้ยังคงเปิดกว้าง ยังคงวางแบอยู่บนโต๊ะ และต่างเรียกร้องต้องการให้ดำเนินการศึกษาอย่างสมบูรณ์กันต่อไปอีก