ผู้หญิงชาวเอเชียหนึ่งถูกคนเหยียดผิวชกเข้าหน้า พร้อมสำรอกถ้อยคำเหยียดหยามเชื้อชาติ ระหว่างที่เธออยู่ ณ สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในแมนฮัตตัน จากการเปิดเผยของตำรวจสหรัฐฯ
“Fuck you, C—k,” มือโจมตีตะโกนใส่ผู้หญิงวัย 37 ปี ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน 51st Street Subway Station เมื่อคืนวันเสาร์ (27 มี.ค.) “แกควรกลับไปประเทศของแก ทั้งหมดเป็นเพราะพวกแก”
ตำรวจเปิดเผยว่า จากนั้นผู้ก่อเหตุก็หลบหนีออกไปจากสถานี ส่วนผู้หญิงชาวอเชียปฏิเสธรับการรักษาทางการแพทย์ ณ ที่เกิดเหตุ
ในเวลาต่อมาทางตำรวจได้เผยแพร่ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอของผู้ต้องสงสัย
เหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางอาชญากรรมจากความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย ที่เพิ่มสูงขึ้นในนิวยอร์กและที่อื่นๆของสหรัฐฯ ทำให้กรมตำรวจนิวยอร์กต้องมอบหมายให้ตำรวจนอกเครื่องแบบคอยตรวจตราตามสถานที่ต่างๆ ในความพยายามหยุดการโจมตี แต่ไม่เปิดเผยว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบถูกส่งเข้าประจำการมากน้อยแค่ไหน
ผู้ประท้วงหลายพันคนออกมารวมตัวชุมนุมในกว่า 60 เมืองใหญ่ทั่วประเทศช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่นครนิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส ชิคาโก ดีทรอยต์ และพอร์ตแลนด์ เพื่อเรียกร้องยุติความรุนแรงต่อต้านคนเอเชีย หลังเกิดเหตุกราดยิงสปาหลายแห่งในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมื่อเกือบสองสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ในจำนวนนี้ 6 คนเป็นหญิงชาวเอเชีย
โศกนาฏกรรมดังกล่าว ก่อความกังวลเกี่ยวกับอาชญากรรมจากความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19
พวกผู้ชุมนุมหลายคนถือป้ายที่มีข้อความให้หยุดมองคนเอเชียเป็นปีศาจร้าย และหยุดก่อความรุนแรงต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย
จากข้อมูลของศูนย์การศึกษาด้านความรุนแรงและความเกลียดชังต่อชาวเอเชียพบว่า เหตุความรุนแรงที่พุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียใน 16 เมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯ ในปี 2020 เพิ่มขึ้นถึง 149% เมื่อเทียบกับปี 2019
กระแสเหยียดชาวเอเชียโหมกระพือขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ โดยในช่วงต้นปี 2020 ที่นักการเมืองจำนวนหนึ่ง รวมถึง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น ออกมาระบุว่ามันเป็นโรคระบาดที่เกิดจากไวรัสอู่ฮั่นหรือไวรัสจีน ทำให้ชาวอเมริกันทั่วไปเริ่มมองชาวเอเชียว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้โควิด-19 ระบาดในประเทศ นำมาซึ่งเหตุทำร้ายพุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเพิ่มมากขึ้น
(ที่มา : นิวยอร์กโพสต์)