อิตาลีเมื่อวันจันทร์ (8 มี.ค.) ก้าวผ่านอีกหนึ่งหลักหมายอันน่าเศร้า ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทะลุ 100,000 คน ท่ามกลางคำเตือนการแพร่เชื้อของตัวกลายพันธุ์กำลังโหมกระพือการแพร่ระบาดระลอกใหม่
ราว 1 ปีหลังอิตาลีกลายเป็นชาติแรกของยุโรปที่ล้นไปด้วยผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทางกระทรวงสาธารณสุขของประเทศรายงานพบผู้เสียชีวิตอีก 318 รายในวันจันทร์ (8 มี.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 100,103 คน
แน่นอนว่าตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่ายอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริง แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นจำนวนที่น่าช็อกอยู่ดี
มาริโอ ดรากิ นายกรัฐมนตรีระบุว่า “ตอนโรคระบาดใหญ่เริ่มขึ้น เราไม่เคยจินตนาการเลยว่า หลังผ่านไป 1 ปี ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจะเฉียดใกล้หลักหมายอันน่าสยดสยอง 100,000 คน”
นายกรัฐมนตรีรายนี้กล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ ต่อว่า “โรคระบาดใหญ่ยังไม่แพ้พ่าย แต่ด้วยการเร่งรัดแผนฉีดวัคซีน เราสามารถมองเห็นทางออก”
เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป โครงการฉีดวัคซีนของอิตาลีเริ่มต้นอย่างล่าช้า ส่วนใหญ่สืบเนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางโรแบร์โต สเปรันซา รัฐมนตรีสาธารณสุข ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (7 มี.ค.) คาดหมายว่าจะมีวัคซีนโควิด-19 จำนวน 50 ล้านโดส ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน “เปิดทางสำหรับฉีดวัคซีนแก่ประชากรของเราอย่างน้อยๆ ครึ่งหนึ่ง ราวๆ 30 ล้านคน ในช่วง 4 เดือนข้างหน้า”
อิตาลีจะเริ่มใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป นอกจากนี้แล้วพวกเขายังตั้งความหวังไว้อย่างสูงกับวัคซีนโดสเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งน่าจะได้รับความเห็นชอบจากสหภาพยุโรปในวันที่ 11 มีนาคม
จนถึงตอนนี้อิตาลีฉีดวัคซีนแก่ประชาชนอย่างครบถ้วนไปแล้ว 1.65 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม สเปรันซา เตือนในวันจันทร์ (8 มี.ค.) ว่าอิตาลีคงต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งยุ่งยากอีกหลายสัปดาห์ โดยจำเป็นต้องรักษาระดับการติดเชื้อให้อยู่ในแนวราบ ขณะที่การแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้การรับมือกับไวรัสยากลำบากกว่าเดิม
จากข้อมูลของสถาบันวิจัย GIMBE พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม เพิ่มขึ้น 1 ใน 3 เป็นมากกว่า 123,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม
ด้วยห้องอีซียูตามโรงพยาบาลต่างๆ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอีกครั้ง รัฐบาลจึงกำลังพิจารณากำหนดข้อจำกัดต่างๆรอบใหม่ ในนั้นรวมถึงขยายกรอบเวลาเคอร์ฟิวจากปัจจุบัน 22.00 น.ถึง 05.00 น. และประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกรอบ
“ด้วยจำนวนเหล่านี้ เราจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น” ลุยจิ ดิ ไมโอ รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีเขียนบนเฟซบุ๊ก “ไม่มีทางเลือกอื่นๆ ยกเว้นแต่มาตรการที่เข้มข้นขึ้น”
มาตรการเข้มข้นรอบใหม่ทั่วประเทศคงก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยหนประวัติศาสตร์ ผลจากการล็อกดาวน์เมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความคิดเห็นในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งจัดทำโดยหนังสือพิมพ์ Corriere della Sera พบว่ามีชาวอิตาลีถึง 44% ที่สนับสนุนล็อกดาวน์รอบใหม่ เพิ่มขึ้นจากระดับ 30% เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
(ที่มา : เอเอฟพี)