เกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะยังคงเดินหน้าซ้อมรบประจำปีในสัปดาห์นี้ แต่จะปรับลดขนาดเล็กลงกว่าเดิม สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จากการเปิดเผยของโซลในวันอาทิตย์ (7 มี.ค.)
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่า การซ้อมรบ 9 วัน เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (8 มี.ค.) จะยังคงก่อความขุ่นเคืองแก่เกาหลีเหนือเหมือนเคย โดยทางเปียงยางมองมาช้านาน ว่า การซ้อมรบดังกล่าวเป็นการปฏิบัติฝึกซ้อมเพื่อรุกรานพวกเขา
“การซ้อมรบประจำปีที่กำลังมาถึง คือ การจำลองทางคอมพิวเตอร์ ฝึกซ้อมแบบในที่บังคับการ ในลักษณะป้องกันตนเองอย่างเข้มข้น” คณะเสนาธิการทหารร่วมระบุในถ้อยแถลง พร้อมระบุว่า พวกเขาเดินหน้าซ้อมรบอย่างมีแบบแผน หลังจากพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว
ปฏิบัติการซ้อมรบครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเดือนแรกๆ ในวาระดำรงตำแหน่งของรัฐบาลใหม่ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ท่ามกลางการเจรจานิวเคลียร์ที่หยุดชะงักระหว่างเปียงยางกับวอชิงตัน
ถ้อยแถลงระบุว่า “สองพันธมิตรตัดสินใจดำเนินการซ้อมร่วมเพื่อธำรงไว้ซึ่งสถานะพร้อมรบ และเพื่อสนับสนุนความพยายามทางการทูต ในการปลดนิวเคลียร์และสร้างสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี”
สหรัฐฯมีทหารเกือบ 30,000 นาย ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ และการซ้อมรบร่วมระหว่างพวกเขากับทหารเกาหลีใต้หลายแสนนาย มักสร้างความไม่พอใจจากเกาหลีเหนือมาตลอด โดยเปียงยางประณามว่าการซ้อมรบดังกล่าวคือแผนสำหรับการรุกราน
ตามหลังการประชุมซัมมิตครั้งแรกระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือในสิงคโปร์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2018 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีอเมริกา ณ ขณะนั้น บอกว่า วอชิงตันจะรับการซ้อมรบร่วม “ยั่วยุ” ต่างๆ นานากับเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งที่ 2 ระหว่างพวกเขา ซึ่งจัดขึ้นในกรุงฮานอย เดือนกุมภาพันธ์ 2019 พังครืนลงโดยไม่มีความหน้าใดๆ ในเป้าหมายของวอชิงตันที่ต้องการให้เกาหลีเหนือละทิ้งโครงการอาวุธนิวเคลียร์
พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เกาหลีเหนืออาจใช้การซ้อมรบที่กำลังมาถึง สำหรับดำเนินการยั่วยุวอชิงตันรอบใหม่ ในขณะที่พวกเขากำลังหาทางทดสอบรัฐบาลใหม่สหรัฐฯที่นำโดยไบเดน
(ที่มา: เอเอฟพี)
