ประชาชนหลายพันคนไหลบ่าสู่ท้องถนนในวันเสาร์ (6 มี.ค.) ในการประท้วงรอบล่าสุดในกรุงเวียนนา ต่อต้านข้อจำกัดสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยมีรายงานผู้ถูกจับตัวหลายคน ฐานละเมิดกฎหมายความสงบเรียบร้อย และกฎระเบียบโควิด-19
ผู้ประท้วงจำนวนมากไม่สวมหน้ากาก หรือเว้นระยะห่างทางสังคม ระหว่างที่พวกเขาเดินขบวนฝ่าในกลางเมืองหลวงของออสเตรีย ไปยังสวนสาธารณแห่งหนึ่ง บริเวณที่ทางพรรคพรีดอม (FPOe) พรรคการเมืองขวาจัด นัดให้มีการชุมนุม
ออสเตรียผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์รอบล่าสุดไปแล้วตั้งแต่เดือนก่อน และกลับมาเปิดสถาบันการศึกษา ร้านค้าและพิพิธภัณฑ์แล้ว แต่ทางพวกผู้ประท้วงส่งเสียงต่อต้านข้อจำกัดบางอย่างที่ยังคงบังคับใช้อยู่ ในนั้นรวมถึงคำสั่งปิดร้านอาหารและคาเฟ่ เช่นเดียวกับการตรวจเชื้อเด็กนักเรียนที่จำเป็นต้องเข้าเรียนในชั้นเรียน
คริสโตเฟอร์ โพลลัค ผู้ประท้วงรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า “เมื่อมาตรการต่างๆ ถูกบังคัชใช้ คนเกือบ 1 ล้านต้องพบว่าตนเองตกงานหรือถูกพักงาน มันทำลายเศรษฐกิจประชาชน แน่นอนว่ามันจะก่อผลกระทบระยะยาวแก่ครอบครัวและเด็กๆ”
พวกผู้ประท้วงพากันร้องตะโกนและชูป้ายข้อความเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเซบาสเตียน คูร์ซ จากพรรคขวากลาง ลาออกจากตำแหน่ง
มีรายงานการปะทะกันจุดหนึ่งระหว่างผุ้ชุมนุมกับกลุ่มผู้ประท้วงฝ่ายซ้ายที่คัดค้านการชุมนุม จนตำรวจต้องใช้แก๊นน้ำตาเข้าสลาย
สื่อมวลชนออสเตรียรายงานว่า พบเห็นเครือข่ายฝ่ายขวาสุดขั้วปะปนอยู่ในฝูงชนด้วย หลังจากพวกเขาเคยเข้าร่วมประท้วงต่อต้านล็อกดาวน์มาก่อนแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่ตำรวจเผยว่าได้ทำการจับกุมผู้ประท้วงบางส่วนในช่วงท้ายของการชุมนุม หลังจากบางส่วนไม่ยอมสลายตัว
ออสเตรียพบเห็นการประท้วงลักษณะนี้บ่อยครั้งขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนเริ่มหัวเสียต่อข้อจำกัดต่างๆ ที่ยังคงบังคับใช้อยู่ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของพวกเขา
รัฐบาลบอกว่าอาจมีการผ่อนปรนข้อจำกัดบางอย่างเพิ่มเติมในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าหากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง พร้อมแย้มว่ามีโอกาสที่ร้านอาหารและคาเฟ่จะกลับมาเปิดบริการได้ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในออสเตรียกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในวันเสาร์ (6 มี.ค.) ยืนยันพบผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 2,500 คน
รูดอล์ฟ อันส์โชเบอร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขออสเตรียบอกว่า เวลานี้ตัวกลายพันธุ์สหราชอาณาจักรของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าตัวดั้งเดิมหลายเท่า กลายเป็นสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดหนักหน่วงที่สุดในประเทศของเขา
(ที่มา : เอเอฟพี)