บรรดานักรณรงค์และนักเคลื่อนไหวฝักใฝ่ประชาธิปไตยฮ่องกง 47 คน เมื่อวันอาทิตย์ (28 ก.พ.) ถูกตั้งข้อหาสมคบคิดก่อการบ่อนทำลายรัฐ ในการปราบปรามฝ่ายต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่กำหนดโดยจีน
ในบรรดาผู้ถูกตั้งข้อหานั้น รวมไปถึง แซม จาง นักเคลื่อนไหววัย 27 ปี หนึ่งในผู้เข้าร่วมศึกเลือกตั้งแบบไพรมารีอย่างไม่เป็นทางการเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ซึ่งถูกตั้งข้อหา หลังจากเดินทางเข้าไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง
“ชาวฮ่องกงมีช่วงเวลาที่หนักหน่วงมากในวันนี้” เขาบอกกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าไปยังสถานี “ผมหวังว่าทุกคนจะไม่ยอมแพ้และสู้ต่อไป”
จาง ถูกจับพร้อมกับนักเคลื่อนไหวฝักใฝ่ประชาธิปไตยคนอื่นๆ อีก 54 คน ในช่วงรุ่งสางเมื่อวันที่ 6 มกราคม ในปฏิบัติการด้านความมั่นคงแห่งชาติขนานใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กฎหมายผ่านความเห็นชอบเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน
พวกเขาถูกกล่าวหาจัดการเลือกตั้งขั้นต้นอย่างไม่เป็นทางการเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว เพื่อเลือกสมาชิกสภานิติบัญญัติส่วนที่มาจากการเลือกตั้ง โดยพวกเขาหวังว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะเสียงข้างมากในสภานี้ได้เป็นครั้งแรก
แต่เจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกงกล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งขั้นต้นกันเองครั้งนั้นว่าเป็นความพยายาม “โค่นล้ม” และทำให้รัฐบาลฮ่องกง “เป็นอัมพาต” ฉะนั้นจึงถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติ
ตำรวจฮ่องกงระบุว่า บุคคล 47 ราย ถูกตั้งข้อหาคนละ 1 กระทง ฐาน “สมรู้ร่วมคิดบ่อนทำลายรัฐ” ซึ่งเป็นหนึ่งในความผิดอาญาตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่เริ่มบังคับใช้ในฮ่องกงเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และทั้งหมดจะต้องขึ้นศาลในวันจันทร์ (1 มี.ค.)
การตัดสินใจครั้งข้อหาบรรดานักเคลื่อนไหวจำนวนมากในคราวเดียว อาจบ่อนทำลายความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านอย่างหนักหน่วง โดยผู้ถูกกล่าวหาคนอื่นๆ นั้นมีทั้งอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติ, นักวิชาการ, ทนายความ, นักสังคมสงเคราะห์ ไปจนถึงนักเคลื่อนไหวรุ่นหนุ่มสาว
สำนักงานสหภาพยุโรปประจำฮ่องกงเรียกร้องปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมในทันที “ลักษณะของการแจ้งข้อหาเหล่านี้ ชัดเจนว่าพหุนิยมทางการเมืองจะไม่เป็นที่อดทนในฮ่องกง”
พวกที่ถูกจับกุมในเดือนมกราคม มีเพียง 8 คนที่ไม่ถูกตั้งข้อหาในวันอาทิตย์ (28 ก.พ.) ในนั้นรวมถึง จอห์น คลานซีย์ ทนายความสิทธิมนุษยชนชาวสหรัฐฯ และ เจมส์ โท นักเคลื่อนไหวอาวุโส ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัว
การยกระดับใช้กฎหมายเล่นงานพวกนักเคลื่อนไหวท้องถิ่นมีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่จีนเตรียมเปิดตัวกฎหมายปฏิรูปการเลือกตั้ง ซึ่งดูเหมือนจะบั่นทอนบทบาทและอิทธิพลของขุมกำลังฝ่ายค้านเพิ่มเติม
“นี่คือการส่งสัญญาณที่แข็งกร้าวอย่างมากจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่าเขาต้องการกำจัดฝ่ายประชาธิปไตยในฮ่องกง” ซันนี จาง นักเคลื่อนไหวที่ลี้ภัยในต่างแดน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ “หากประชาคมนานาชาติไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ต่อเผด็จการพรรคคอมมิวนิสต์จีน สีจะชนะ เสรีภาพและประชาธิปไตยจะล่มสลาย”
ตำรวจฮ่องกงเปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้มีบุคคลต่างๆ 99 ราย ถูกจับกุมฐานต้องสงสัยละเมิดกฎหมายด้านความมั่นคง
กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่บังคับใช้ในฮ่องกง มีเนื้อหาสำคัญเป็นข้อห้าม 4 ประการเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ได้แก่ การบ่อนทำลายการปกครอง การแบ่งแยกดินแดน ก่อการร้ายและการคบคิดกับต่างชาติเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคง ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต
จีนอ้างความชอบธรรมของกฎหมายดังกล่าว เพื่อคืนความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ตามหลังการประท้วงใหญ่ในปี 2019 ต่อต้านสิ่งที่พวกผู้ชุมนุมมองว่าเป็นความพยายามของจีนที่ต้องการปราบปรามเสรีภาพและอำนาจปกครองตนเองของฮ่องกง ภายใต้สูตร “1 ประเทศ 2 ระบบ” ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 1997 ครั้งที่ปักกิ่งรับมอบเกาะแห่งนี้คืนจากสหราชอาณาจักร
(ที่มา : รอยเตอร์)