ภูเขาเอตนา (Mount Etna) ภูเขาไฟที่ตั้งตระหง่านสูงลิ่วเหนือภาคตะวันออกของเกาะซิซิลี ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นที่สุดของเรื่องนั้นเรื่องนี้มากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดอันดับให้เป็นภูเขาไฟลูกที่ยังทรงพลังระดับที่สุดของยุโรป และก็เป็นภูเขาไฟที่มีขนาดมหึมาที่สุดของทวีปนี้อีกด้วย
เอตนาสำแดงอำนาจความเฟียสขั้นสุด ด้วยการพ่นเปลวเพลิงร้อนแรง พร้อมกับคำรามกึกก้องเลื่อนลั่นเป็นระลอกๆ อยู่บ่อยๆ มีทั้งแบบที่ยาวนานเป็นวันๆ หรือเป็นอาทิตย์ๆ และกระทั่งเป็นปีๆ ก็ยังเคยปรากฏ การอวดอิทธิฤทธิ์ของจอมเทวีผู้แสนงดงามนี้สร้างปรากฏการณ์ซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจไม่มีใครเกิน ก็เป็นอีกหนึ่งความสุดยอดของเธอด้วย
แต่ละซีรีส์ที่จอมเทวีเอตนาออกมาสร้างปรากฏการณ์ฮึ่มฮั่มแบบสุดจะดรามานั้น เธอจะมอบความทึ่งตื่นตะลึงแก่บรรดาผู้คนที่จับตาคอยลุ้น พร้อมกับสร้างความเกรงขามท่วมหัวใจของนักธรณีวิทยาผู้อุทิศช่วงเวลาแห่งชีวิตการงานให้แก่การเฝ้าติดตามทุกๆ การสั่นไหว ทุกๆ การร้องกระหึ่ม และทุกๆ การเรอที่ส่งผลให้ลาวาร้อนแรงได้พุ่งระบายออกมา
ต้องถือว่าบุญยังรักษาที่การปะทุระลอกล่าสุดของ เอตนา ซึ่งดึงดูดทั่วโลกให้เกาะติดสนใจอยู่ในขณะนี้ ยังไม่ได้ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย หรือกระทั่งการอพยพหลบหนีใดๆ ขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง?
ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เอตนาได้ระเบิดขึ้นมาระลอกใหม่ โดยพ่นเอาลาวาหลอมเหลวร้อนเดือดจำนวนมหาศาลทะลักทลายออกมาเป็นสายดั่งแอ่งน้ำพุยักษ์ ลาวาเหล่านี้ไหลลงไปตามลาดเขาด้านตะวันออกของเอตนา มุ่งไปสู่หุบเขาบอเว (Bove Valley) ซึ่งมีความกว้าง 5 กิโลเมตร และยาว 8 กิโลเมตร และที่สำคัญคือ ไม่มีผู้คนพำนักอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ในเวลาเดียวกัน ภูเขาไฟลูกนี้ก็พ่นเถ้าถ่านและหินลาวาออกมาสาดใส่บริเวณด้านทิศใต้ด้วย
อาการปะทุพุ่งพล่านเหล่านี้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปะทุตัวรุนแรงพรวดพราดบ้างและมีการทุเลาความดุเดือดลงบ้างสลับกันเป็นระยะๆ ลีลาของลาวาที่เดือดระอุมีไฟลุกท่วมทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนเจิดจ้าสว่างไสวด้วยสีส้มและสีแดงเหลื่อมซ้อนกันอย่างน่าตื่นตระหนก สำหรับในขั้นนี้ ยังไม่สามารถทำนายได้ว่าพลังคุกคามอันน่าตื่นเต้นชวนขนพองสยองเกล้าทั้งปวงของ เอตนา จะสิ้นสุดลงเมื่อใด นักวิทยาภูเขาไฟบอกเล่ามาอย่างนั้น โดยเป็นการวิเคราะห์จากการทำงานติดตามอาการของเอตนาที่สถานีสังเกตการณ์เอตนา (Etna Observatory) ซึ่งเป็นหน่วยสังกัดภายใต้สถาบันธรณีฟิสิกส์และวิทยาภูเขาไฟแห่งชาติของอิตาลี (National Institute of Geophysics and Volcanology)
ขณะที่ภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจชุดแรกๆ ของภูเขาไฟเอตนา เพิ่งทำให้สาธารณชนทั่วไปเริ่มจะต้องมนต์เสน่ห์ของเธอในเดือนกุมภาพันธ์ แต่แท้ที่จริง ลีลาการระเบิดเป็นลาวาทะลักของ เอตนา ระลอกนี้ ทยอยปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่องนานกว่าหนึ่งปีแล้ว โดยตั้งต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2019 และมาแสดงอาการเกรี้ยวกราดเฟียสขึ้นอย่างมากเมื่อ 2 เดือนก่อน โดยมีปรากฏการณ์การปะทุตัวที่สำคัญอยู่ที่ปากปล่องทิศใต้-ตะวันออก ซึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อปี 1971 ภายหลังจากที่เกิดการแตกร้าวต่อเนื่องกันเป็นชุด
ภาพที่ยากจะลืมเลือน
เอตนาตั้งสูงตระหง่านเหนือระดับน้ำทะเล 3,350 เมตร โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณ 35 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ภูเขาไฟลูกนี้ยังคึกคักไม่เลิกรา ความสูงของเธอจึงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ เมื่อเวลาผันผ่านไป
สนามบินที่เมืองกาตาเนีย (Catania) เมืองใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของเกาะซิซิลีได้รับผลกระทบหนักมาก ในอดีตที่ผ่านมา สนามบินต้องปิดไม่ให้เครื่องบินขึ้นลงอยู่เป็นระยะๆ ครั้งละหลายๆ ชั่วโมง หรือกระทั่งหลายๆ วัน เพราะฝุ่นเถ้าถ่านภูเขาไฟซึ่งฟุ้งกระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศได้ทำให้การออกบินในพื้นที่แถบนี้เป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายเกินไป สำหรับการพ่นลาวาในรอบนี้ ระดับความรุนแรงอยู่ในเกณฑ์สูงมากเมื่อช่วงต้นๆ สนามบินจึงต้องปิดเป็นระยะเวลาสั้นๆ
กระนั้นก็ตาม ในยามที่ฟ้าเปิดและเครื่องบินสามารถเดินทางได้ วันเวลาเหล่านี้จะเป็นโอกาสสุดพิเศษสำหรับพวกนักบินและบรรดาผู้โดยสารที่บินมาลงหรือบินขึ้นไปจาก กาตาเนีย โดยในคืนซึ่งจอมเทวีเอตนาผู้งดงามอยู่ในภาวะค่อนข้างสงบเสงี่ยมลงมาหน่อย บรรดามนุษย์ตัวกระจ้อยในเครื่องบินจะได้แลมองกลุ่มเปลวเพลิงสีแดงฉานในความมืดมิดของฟากฟ้า มันคือรางวัลชีวิตครั้งสำคัญ เพราะภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้ล้วนเป็นความงามที่ยากจะลืมเลือน
ใช้ชีวิตชิลๆ อยู่กับภูเขาไฟ
ด้วยการที่ลาวาของเอตนาส่วนใหญ่ถูกบังคับปิดล้อมเส้นทางให้ต้องไหลลงไปตามลาดเขาสู่พื้นที่ซึ่งไม่มีผู้คนพำนักอาศัย ชีวิตอันมากมายภายในเมืองเล็กๆ และหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งตั้งกระจัดกระจายบนภูเขาลูกนี้ จึงสามารถดำเนินกันต่อไปได้ ถึงแม้จะมีดรามาอุบัติให้หวาดเสียวกันเป็นบางครั้งบางคราว อย่างเช่นเมื่อไม่กี่วันก่อน เวิ้งฟ้าของหลายชุมชนปรากฏมีหินลาวาสาดกระหน่ำลงมาราวกับสายฝน ไปเกลื่อนกลาดบนถนนหนทางหลายสายบ้าง ไปซัดใส่รถราแล้วกระเด้งตกสู่พสุธาบ้าง และไประรัวอยู่บนหลังคาอาคารบ้านเรือนส่งเสียงเกรียวกราวเขย่าขวัญกันสุดๆ
ในการนี้ ชาวบ้านโดยทั่วไปจำนวนมากปรับตัวกับสายฝนแห่งหินลาวาจากเอตนาได้เป็นอย่างดี โดยรู้สึกว่ามันเป็นแค่ความไม่สะดวกสบายที่เล็กน้อยนัก เมื่อเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ต่างๆ ที่ภูเขาไฟลูกนี้เอื้ออำนวยให้
ลาวาที่ท่วมท้นแผ่นดินครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่โบราณกาล ทำให้ผืนดินทั้งปวงในบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก ต้นแอปเปิลและต้นส้มชนิดต่างๆ เติบโตให้ผลที่น่าชื่นใจ ไวน์แดงและไวน์ขาว ซึ่งผลิตจากองุ่นที่ปลูกตามไหล่เขาบนแผ่นดินที่เอตนาคอยเติมสารอาหารมิได้ขาดอยู่นั้น อยู่ในกลุ่มไวน์ยอดที่นิยมกันเป็นที่สุดของเกาะซิซิลี
การท่องเที่ยวในดินแดนแถบนี้ก็เป็นตัวทำรายได้ชั้นเยี่ยม พวกนักปีนเขา และพวกแบ็กแพกเกอร์ จะชื่นชมกับวิวทิวทัศน์ของภูเขามหึมาที่ปล่อยควันโขมงออกมาเป็นระยะๆ แถมยังมีทะะเลไอโอเนียนส่งประกายแวววับอยู่เบื้องล่าง และสำหรับพวกนักสกีที่ต้องการเล่นกีฬาโปรดตามไหล่เขาซึ่งไม่มีคนแออัดคับคั่งแล้ว เอตนาถือเป็นสถานที่ยอดนิยมแห่งหนึ่ง
ฤทธิ์เดชแห่งเอตนาถึงขั้นคร่าชีวิตกันเลยทีเดียว
ตามประวัติศาสตร์หลายพันปีที่มีการจดจารึกกันไว้นั้น เอตนา เคยระเบิดขึ้นมาหลายสิบครั้งแล้ว ถึงขนาดที่ว่าภูเขาไฟเอตนาทรงอิทธิพลความน่าเกรงขามขั้นสุดอยู่ในบรรดาตำนานกรีกโบราณ ในการปะทุตัวครั้งหนึ่งเมื่อปี 396 ก่อนคริสตกาล จอมเทวีเอตนาได้รับเครดิตว่าเป็นปัจจัยสกัดกั้นการรุกรานของกองทัพแห่งจักรวรรดิชาวคาร์เธจได้อย่างอยู่หมัด
ในปี 1669 มีการระเบิดครั้งที่ร้ายแรงที่สุดของ เอตนา เท่าที่เคยบันทึกกันไว้ ลาวาได้ไหลเข้าท่วมฝังพื้นที่หนึ่งแถบใหญ่ๆ ของเมืองกาตานา ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากเอตนาประมาณ 23 กิโลเมตร พร้อมกับสร้างความหายนะให้แก่หมู่บ้านหลายสิบแห่ง นอกจากนั้นการปะทุตัวตรั้งที่เกิดขึ้นในปี 1928 ก็ถึงกับตัดขาดเส้นทางรถไฟซึ่งสร้างขึ้นเป็นวงกลมรอบๆ เชิงเขา
ขยับใกล้เข้ามาอีก ในปี 1983 ต้องมีการใช้ไดนาไมต์เพื่อหันเหทิศทางของลาวาซึ่งรุดหน้าเข้าไปคุกคามชุมชนหลายแห่งซึ่งมีผู้คนพำนักหนาแน่น
ในปี 1992 การป้องกันความเสียหายจากภูเขาไฟระเบิดมีความก้าวหน้ามากขึ้น กล่าวคือ ในอันที่จะกันไม่ให้ลำธารลาวาร้อนแรงที่ไหลออกมาจาก แอตนา และเคลื่อนไปยังหมู่บ้านซาฟเฟอรานา เอตเนีย (Zafferana Etnea) ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่สองสามพันคน กองทัพอิตาลีใช้เวลาหลายเดือน สร้างแนวกำแพงดินขึ้นมาควบคุมทิศทางลาวา ให้มุ่งไปยังแอ่งขนาดมหึมาที่ขุดสร้างขึ้นเพื่อรองรับมวลลาวาทั้งหมด โดยหวังว่าการปะทุตัวและการพ่นลาวาจะยุติก่อนที่แอ่งดังกล่าวจะเต็มล้น แต่ปรากฏว่า เอตนา ไม่ยอมหมดฤทธิ์ง่ายๆ กระแสลาวาจึงท่วมล้นข้ามแนวกำแพง และเดินหน้าแน่วแน่สู่หมู่บ้านซาฟเฟอรานา ดังนั้น คณะวิศวกรตัดสินใจใช้ระเบิดซีรีส์ใหญ่เพื่อปรับพื้นที่และเปลี่ยนทิศทางการไหลของลาวาไปยังช่องทางที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งพาสายธารลาวาให้เบี่ยงห่างออกจากหมู่บ้านซาฟเฟอรานา
ทั้งนี้ มีฉากระทึกขวัญของจริงยิ่งกว่านิยายฮอลลีวูดเกิดขึ้น คือ ในช่วงหนึ่งที่ลาวาซึ่งส่งควันดำโขมงเคลื่อนเข้ามาห่างจากชายขอบของหมู่บ้านเพียงแค่ 2 กิโลเมตร ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดจะหยุดยั้งลงได้ดั่งมหัศจรรย์แห่งสวรรค์พอเรียกได้
ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา (ซึ่งตามเวลาทางธรณีวิทยาแล้ว ถือเป็นแค่ช่วงแห่งการสะอึกสั้นๆ เท่านั้น) ลีลาเฟียสที่ เอตนา สำแดงออกมารายการใหญ่ๆ ของ ส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์การระเบิดปะทุตัวที่ไม่รุนแรง และสายธารลาวาที่ไหลออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับระดับพลังงานแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ทะลักจากปากปล่องยอดเขา หรือพวกปล่องทางด้านข้างๆ
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เอพี, วิกิพีเดีย, รอยเตอร์)