แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพุธ (17 ก.พ.) อเมริกามีแผนจ่ายเงินอีกกว่า 200 ล้านแก่องค์การอนามัยโลกในช่วงสิ้นเดือนนี้ หลังกลับลำแผนถอนตัวของโดนัลด์ ทรัมป์
เงินดังกล่าวเป็นจำนวนเดียวกับที่สหรัฐฯเคยให้สัญญาว่าจะมอบให้แก่องค์กรสาธารณสุขโลกแห่งนี้ ซึ่งพวกเขาเคยเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดมาก่อน
“นี่คือก้าวอย่างสำคัญในการเดินหน้าเติมเต็มพันธสัญญาทางการเงินของเรา ในฐานะสมาชิกขององค์การอนามัยโลก และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นครั้งใหม่ของเราที่อยากให้คำรับประกันกับองค์การอนามัยโลก ว่า พวกเขาจะไดรับการสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อเป็นแกนนำของโลกในการตอบสนองต่อโรคระบาดใหญ่” บลินเคนบอกกับที่ประชุมทางไกลของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยเรื่องโควิด-19
“สหรัฐฯ จะทำงานในฐานะพันธมิตร เพื่อจัดการกับความท้าทายต่างๆ ของโลก โรคระบาดใหญ่นี้คือหนึ่งในความท้าทายต่างๆ เหล่านั้น และเปิดโอกาสให้เรา ไม่ใช่แค่ฟันฝ่าวิกฤตนี้ แต่มันยังสามารถเป็นการเตรียมพร้อมและมอบความยืดหยุ่น สำหรับรับมือกับวิกฤตในอนาคต”
นอกจากนี้แล้ว บลินเคน บอกว่า สหรัฐฯ จะมอบการสนับสนุนทางการเงินที่สำคัญแก่โครงการโคแวกซ์ แผนนานาชาติสำหรับแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 แก่บรรดาประเทศยากจนที่สุด
ในเจนีวา องค์การอนามัยโลกแสดงความยินดีกับคำแถลงของ บลินเคน ระบุว่า เงินทุนเหล่านี้จะสนับสนุนเป้าหมายของทางองค์กร สำหรับยกระดับสุขภาพผู้คนหลายพันล้านคนภายในปี 2023 “ไม่ใช่แค่ตอบสนองโรคระบาดใหญโควิด-19 แต่ยังรวมถึงสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขอื่นๆ ทั่วโลก”
ทรัมป์ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากแนวทางรับมือกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ในสหรัฐฯ ชาติที่มียอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก ประกาศถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก โดยระบุว่า องค์กรแห่งนี้ลำเอียงเข้าข้างจีน และไม่ดำเนินการอย่างเพียงพอเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กลับลำในทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลของเขายังเดินหน้ากดดันจีน ให้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมแก่คณะทำงานขององค์การอนามัยโลก ที่กำลังสืบสวนหาต้นตอของไวรัสมรณะชนิดนี้
“ทุกประเทศควรพร้อมให้ทุกข้อมูลของวันแรกๆ ที่เกิดการแพร่ระบาด” บลินเคน กลาว “และในอนาคต ทุกประเทศ ควรมีส่วนร่วมในกระบวนการที่โปร่งใสและตรงไปตรงมา เพื่อป้องกันและตอบสนองสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขต่างๆ นานา เพื่อที่ทั่วโลกจะสามารถเรียนรู้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
(ที่มา : เอเอฟพี)