เกาหลีใต้เตรียมซื้อวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มเติม สำหรับประชาชนอีก 23 ล้านคน จากการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรีในวันอังคาร(16ก.ย.) หนึ่งวันหลังจากเจ้าหน้าที่ตัดสินใจลดระดับแผนฉีดวัคซีนในเบื้องต้น อ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาล่าช้าและประสิทธิภาพของมัน
ข้อตกลงล่าสุดนี้ประกอบด้วยวัคซีนจากโนวาแว็กซ์ อิงค์ และไฟเซอร์ สำหรับประชาชน 23 ล้านคน ส่งผลให้เวลานี้เกาหลีใต้มีวัคซีนปริมาณที่ครอบคลุมจำนวนประชากร 79 ล้านคน จากการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรีชุง เซ-กยุน
ชง เซ-กยุน บอกกับที่ประชุมระหว่างหน่วยงานด้านตอบสนองต่อวิกฤตโควิด-19 ว่าประเทศจะได้รับวัคซีนสำหรับประชาชน 20 ล้านคนจาก โนวาแว็กซ์ บริษัทยาสัญชาติสหรัฐฯ และวัคซีนเพิ่มเติมสำหรับประชาชน 3 ล้านคน จาก ไฟเซอร์ ผู้ผลิตยาสัญชาติสหรัฐฯเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีชง เซ-กยุน บอกว่าสัญญาที่ทำกับโนวาแว็กซ์มีความสำคัญมากที่สุด เพราะว่าวัคซีนของบริษัทยาสัญชาติสหรัฐฯแห่งนี้จะผลิตในโรงงานท้องถิ่น ผ่านการถ่ายโอนเทคโนโลยีสู่บริษัทผู้ผลิตยาท้องถิ่นแห่งหนึ่ง
เขาเน้นว่าข้อตกลงดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการเร่งรัดพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ภายในประเทศ
วัคซีนโนวาแว็กซ์ จะผลิตในโรงงานผลิตวัคซีนของเอสเค ไบโอไซแอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทเภสัชกรรมของเอสเค กรุ๊ป กลุ่มบริษัทใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของประเทศ และวัคซีนที่ผลิตนี้จะเป็นอุปทานป้อนภายในประเทศ
ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้เคยลงนามในข้อตกลงการผลิตแบบฝากขายกับแอสตราเซเนกาเมื่อปีที่แล้ว
ประธานาธิบดีมูน แจ-อิน ประกาศฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนทุกคนทั่วประเทศ จำนวน 52 ล้านคน แบบไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยมีเป้าหมายก่อภูมิคุ้มกันหมู่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอย่างช้าที่สุดไม่เกินเดือนพฤศจิกายน
ในจำนวนล่าสุด เกาหลีใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 457 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 84,325 คน เสียชีวิต 1,534 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้่อใหม่แกว่งตัวอยู่ในระดับเหนือ 400 คนเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้ว
ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 สำหรับประชาชน 56 ล้านคน ในนั้นรวมถึงสำหรับ 10 ล้านคนจากไฟเซอร์, 10 ล้านคนจากแอสตราเซเนกา, 20 ล้านคนจากโมเดอร์นา, 6 ล้านคนจากจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และสำหรับ 10 ล้านคนผ่านโครงการโคแว็กซ์ที่นำโดยองค์การอนามัยโลก โดยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและคนชรา ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เปิดเผยในวันจันทร์(15ก.พ.) ว่าจะไม่ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาในคนสูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป กลับลำการตัดสินใจก่อนหน้านี้ โดยอ้างว่าข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมันนั้นยังไม่เพียงพอ
ความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพวัคซีนของแอสตราเซเนกา และปัญหาส่งมอบล่าช้าจากโครงการโคแว็กซ์ ส่งผลให้รัฐบาลปรับลดเป้าหมายการฉีดวัคซีนไตรมาสแรกจาก 1.3 ล้านคน เหลือเพียง 760,000 คน
(ที่มา:รอยเตอร์ส/ซินหัว)