xs
xsm
sm
md
lg

ฮือฮาทั่วอเมริกา นกเพลิแกนน้อยถูกพายุหอบหลงทางกว่า 1,000 กม. หวิดหนาวตายคาแม่น้ำเยือกแข็ง บุญรักษาคนใจดีมาช่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


น้องอาร์วี เพลิแกนหนุ่มน้อย ถูกพายุหอบหิ้วหลงทางจากบ้านอันอบอุ่นด้วยแสงตะวัน ไปซุกซบโดดเดี่ยวบนแผงน้ำแข็งกว้างใหญ่ที่ปกคลุมแม่น้ำสายยาวเหยียดในรัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา นอกจากที่น้องดวงแข็งไม่สิ้นใจในพายุ น้องยังมีบุญรักษา กลายเป็นเซเลบริตี ใครๆ ก็เอ็นดูสงสารกันล้นหลาม
น้องอาร์วี เพลิแกนหนุ่มน้อย ถูกพายุหอบหิ้วหลงทางจากบ้านอันอบอุ่นด้วยแสงตะวัน ไปซุกซบโดดเดี่ยวบนแผงน้ำแข็งกว้างใหญ่ที่ปกคลุมแม่น้ำสายยาวเหยียดในรัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา บุญยังรักษาน้องนกกระทุงตัวนี้ มีผู้สันทัดกรณีไปพบเห็นและประสานขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยน้องให้รอดจากหายนะ นอกจากจะพลัดถิ่นไกลกว่าหนึ่งพันกิโลเมตรแล้ว น้องยังป่วยด้วยไข้หวัดนิวมอเนีย และโรคเนื้อตายเพราะหิมะกัด ในการนี้ศูนย์ช่วยเหลือนก คือ A Place Called Hope และศูนย์ปกป้องและสงวนรักษาสัตว์ป่า Busch Wildlife Sanctuary เป็นเจ้าภาพหลักในการช่วยเหลืออภิบาล

">

วันที่ 27 มกราคม 2021 อันเป็นวันที่ย่ำแย่สุดๆ ในชีวิตของน้องอาร์วี น้องซุกกายอยู่บนแผงน้ำแข็งใต้พื้นสะพานท่าเรือ จวนเจียนจะขาดใจในความหนาวยะเยือกที่ไม่คุ้นเคย บุญดลใจให้ไปสบตาเข้ากับ ผอ.แอนดี้ กริสโวลด์ ผู้อำนวยการโครงการการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งศูนย์ออดูบองปกป้องนกและผืนพิภพแห่งคอนเนตทิคัต (Connecticut Audubon) ในเมืองเอสเซกส์

ผอ.กริสโวลด์สังเกตได้ทันทีว่า เจ้านกเพลิแกนสีน้ำตาลตัวนี้ต้องป่วยอยู่แน่นอน เพราะตอนที่พบเจอกันนั้นเป็นช่วงสายจัดๆ ซึ่งเป็นเวลาที่นกเพลิแกน (ในภาษาไทย คือ นกกระทุง) จะต้องคึกคักหาปลามายาไส้ เขาและศูนย์ฯ จึงรีบโทรศัพท์ประสานกับกรมสิ่งแวดล้อมและพลังงาน (ดีอีอีพี) ให้มาช่วยพาน้องเพลิแกนออกจากแผงน้ำแข็งโดยด่วน (ชมการช่วยเหลือนำพาน้องอาร์วีออกจากแผงน้ำแข็งคลุมแม่น้ำจากวิดีโอ) ตลอดจนประสานขอนำส่งน้องไปรับการรักษาฟื้นฟูสุขภาพที่ศูนย์ช่วยเหลือนก A Place Called Hope (เอพีซีเอช) ในเมืองคิลลิงเวิร์ท รัฐคอนเนตทิคัต

เจ้าหน้าที่จากกรมสิ่งแวดล้อมและพลังงานช่วยกันนำน้องอาร์วี่ขึ้นมาจากแผงน้ำแข็งอันหนาวยะเยือก และนำส่งยังศูนย์ช่วยเหลือนก A Place Called Hope ซึ่งในเบื้องต้นต้องทำการแซะแผงน้ำแข็งให้ร้าว เพราะเท้าของน้องฝังอยู่ในแผง แล้วดึงเจ้ากระทุงหนุ่มน้อยขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากเขาสิ้นเรี่ยวแรงจะขัดขืน
ศูนย์ช่วยเหลือนก A Place Called Hope หนักใจ ขอรับดูแลเบื้องต้นก่อนส่งต่อให้ศูนย์ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง

ศูนย์เอพีซีเอชบอกว่า ในช่วงแรกรับอาร์วี กระทุงหนุ่มน้อยนั้น น้องอ่อนล้าและอุณหภูมิร่างกายลดต่ำมาก ศูนย์ฯจึงรู้สึกลังเลเพราะไม่เคยดูแลนกกระทุงสีน้ำตาลมาก่อน แม้ศูนย์ฯ จะมีประสบการณ์การอภิบาลนกต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2007 โดยเมื่อปี 2020 ก็ได้ช่วยเหลือดูแลนกรวมทั้งสิ้น 829 ตัวก็ตาม

คริสทีน คัมมิงส์ ผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์เอพีซีเอชบอกว่า นกกระทุงเป็นสายพันธุ์ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ เช่น ฟลอริดา และอาร์วีอาจจะแอบเกาะเรือเที่ยวขึ้นไปถึงรัฐเวอร์จิเนีย ก่อนจะถูกพายุที่อาละวาดเมื่อปลายเดือนมกราคม หอบหิ้วพาให้ตกระกำลำบากในคอนเนตทิคัต ในการนี้ ศูนย์ฯ กำหนดแผนช่วยเหลือว่า
- ในขั้นแรก จะรับตัวอาร์วีไว้ดูแลและปฐมพยาบาลเป็นเบื้องต้น
- ขั้นต่อมาจะเป็นการประสานหาศูนย์อื่นๆ ทางภาคใต้ที่มีประสบการณ์ดูแลนกกระทุงสีน้ำตาลโดยตรง
- ขั้นสุดท้ายซึ่งสำคัญมากคือ เมื่อหาศูนย์ดูแลที่เหมาะสมได้แล้ว จะเป็นการหาเครื่องบินอาสาสมัครช่วยพาน้องอาร์วีไปส่ง

ศูนย์เอพีซีเอชเฝ้าสังเกตอาการของน้องอาร์วี เพื่อเช็คความรุนแรงของโรคนิวมอเนีย และตรวจสอบอาการโรคเนื้อตายหลังถูกความเย็นจัดเล่นงาน พร้อมกับประเมินความแข็งแรงของสุขภาพน้อง โดยจัดให้พักในพื้นที่อบอุ่นและมีสภาพแวดล้อมที่นกจากทางภาคใต้คุ้นเคยเช่น เสียงคลื่นทะเลซัดสาดและเสียงนกร้อง เพื่อให้อาร์วีผ่อนคลายสบายใจว่าตนอยู่ที่ชายหาด

นอกจากนั้น ศูนย์ฯ ได้นำปลาวางในชามของเหลวให้เป็นอาหารของอาร์วี ซึ่งถ้าน้องสามารถกินด้วยตนเองได้ นั่นคือสัญญาณบวกว่าน้องรอดตายแน่นอน

สองวันที่ได้รับการอภิบาลในศูนย์เอพีซีเอช น้องอาร์วีฟื้นตัวดีขึ้นมาก น้องมีอ่างใส่ของเหลวแช่ปลา มาคอยกระตุ้นความอยากอาหาร
กระบวนการรักษาน้องอาร์วีเป็นไปอย่างจริงจัง-เฝ้าระวังอาการตลอด 24 ชั่วโมง

กระบวนการฟื้นฟูสุขภาพของน้องอาร์วีเป็นไปอย่างจริงจังและประสบความสำเร็จด้วยดี เพราะน้องยังเป็นนกกระทุงหนุ่มน้อย ทรหดมาก และเด็ดเดี่ยวที่จะเอาชีวิตรอด

สุขภาพของอาร์วีดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากสองวันแห่งการรักษาด้วยการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายน้องแบบค่อยเป็นค่อยไป ตลอดจนการให้ของเหลวอุ่นเข้าสู่ร่างกายทุกสามชั่วโมง ร่างกายของน้องตอบสนองดีมาก พร้อมนี้ มีการเฝ้าระวังอาการอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น จากอาการเมื่อแรกรับซึ่งน้องอ่อนล้าอย่างที่สุด แค่จะเงยศีรษะยังไม่ไหว มิต้องพูดถึงการลุกยืนด้วยตนเองเลย หลังการบำบัดดังกล่าว น้องตื่นตัวขึ้นและเคลื่อนไหวได้

ด้านปัญหาเนื้อตายเพราะโรคหิมะกัดนั้น เป็นเรื่องที่ต้องกินเวลาทีเดียว เพราะกว่าที่ผลจากปัญหาเนื้อตายจะทยอยปรากฏต่อสายตา ต้องใช้เวลามากพอใช้ได้เลย ในการนี้ศูนย์ฯ พบว่าน้องมีรอยแผลจากเนื้อตายหลายจุดที่ปีก ศูนย์ฯ จึงทำการรักษาพิเศษด้วยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และการรักษาด้วยเลเซอร์เย็น ซึ่งศูนย์ฯ มีความเชี่ยวชาญมาก ผลการรักษาอยู่ในระดับน่าพอใจ แต่การรักษาเนื้อตายจากโรคหิมะกัดเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะอาการของรอยแผลสามารถลุกลามแบบปุบปับได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ทีมของศูนย์ฯ จะคอยตรวจหาจุดที่รอยแผลจากเนื้อตายปรากฏขึ้นมา

ในวันที่ 29 มกราคม นกกระทุงหนุ่มน้อยสามารถรับประทานปลาด้วยตนเองได้บ้าง แต่ศูนย์ก็ยังคอยให้อาหารด้วยวิธีป้อนตรงเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง

เลเซอร์เย็นเป็นวิธีรักษาที่ช่วยสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้จะรู้สึกเย็นสบาย ณ จุดสัมผัสเลเซอร์
“เพลิแกนอาร์วี” ผู้ดวงแข็ง ได้รับเมตตาจากมหาชนล้นหลาม “ใครๆ ก็อยากช่วยน้อง”

นับแต่ที่มีการแพร่ข่าวและคลิปวิดีโอของนกกระทุงที่ได้รับความช่วยเหลือหลังจากพลัดหลงไกลกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร จากบ้านภาคตะวันออกเฉียงใต้ สู่ศูนย์ฟื้นฟูนกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น้องอาร์วีผู้เฉียดความตายมาแหม่บๆ กลายเป็นเซเลบริตีโด่งดังไปทั่ว ศูนย์เอพีซีเอชถูกท่วมท้นด้วยโทรศัพท์ อีเมล เมสเสจ การขอสัมภาษณ์พิเศษ การแวะมาขอเยี่ยมดูอาการน้อง ขอให้กำลังใจแก่ทีมผู้อภิบาลน้อง ฯลฯ ซึ่งกลายเป็นผลดีต่อขั้นตอนสำคัญในการช่วยเหลือและรักษาน้องอาร์วี คือ การหาเครื่องบินอาสาสมัครช่วยพาน้องอาร์วีส่งต่อยังศูนย์ทางภาคใต้ที่มีประสบการณ์ดูแลนกกระทุงสีน้ำตาลโดยตรง

ศูนย์ปกป้องและสงวนรักษาสัตว์ป่า บุช ไวลด์ไลฟ์ แซงค์ชัวรี่ (Busch Wildlife Sanctuary) ในเมืองจูปิเตอร์ รัฐฟลอริดา คือศูนย์ที่เชี่ยวชาญการฟื้นฟูรักษานกกระทุงสีน้ำตาล และในวันที่ 29 มกราคม ศูนย์บูชฯ ได้ตอบยืนยันจะรับน้องอาร์วีไปอภิบาลต่อ ท่าทีของศูนย์บุชฯ เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติหน้าที่นี้ ผอ.สเตฟานี ฟรังค์แซก แห่งโรงพยาบาลของศูนย์บุชฯ ถึงกับบอกว่าจะนำส่งอาร์วี่มาถึงศูนย์กี่ทุ่มก็ได้ จะเตรียมพร้อมรอรับตลอดเลย

ในด้านของเครื่องบินอาสาสมัครนำส่งน้องอาร์วี่ก็น่าชื่นใจไปกับน้อง มีผู้เสนอตัวเข้าไปถึง 6 ราย และอันที่จริง มีผู้เสนอตัวเยอะมากๆ ในอันที่จะขับรถตีลงใต้พาน้องไปส่งให้ ศูนย์เอพีซีเอชเลือกใช้บริการของคุณเอเดรียนาและคุณลอเรีย สแตรนด์ คุณแม่-คุณลูกดูโอ้ซึ่งมากด้วยความกล้าหาญและเชี่ยวชาญที่จะขับเครื่องบินระยะทางไกลในสภาพอากาศฤดูหนาวซึ่งมีอันตรายมากมายคอยสกัดกั้น

ลอเรียและเอเดรียนา สแตรนด์ คุณแม่-คุณลูกดูโอ้ ซึ่งเชี่ยวชาญการขับเครื่องบินในสภาพอากาศฤดูหนาว อาสานำพาน้องอาร์วีไปส่งที่ฟลอริดา โดยใช้เครื่อง RV12 เป็นยานพาหนะ  ลอเรียเป็นพยาบาลวัย 50 กะรัต มีประสบการณ์บังคับอากาศยานนานกว่า 30 ปี ส่วนเอเดรียน่า ลูกสาววัย 20 เป็นคุณครูสอนขับเครื่องบินนาน 7 ปี
เมื่อเครื่องบินเดินทางจากคอนเนตทิคัตไปถึงฟลอริดา (เส้นทางภาคอากาศที่สั้นที่สุดระหว่างสองรัฐนี้คือ 1,072 ไมล์ หรือ 1,726 กิโลเมตร) จะมีอาสาสมัครอีก 2 รายทำหน้าที่รับน้องอาร์วี ไปส่งที่ศูนย์บุชฯ คือ เน็ด เฮอล์ และมาร์ตี้ เพอร์ตี้ ซึ่งเคยเป็นอาสาสมัครทำงานกับศูนย์เอพีซีเอช แล้วย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฟลอริดา การได้อดีตอาสาสมัครของศูนย์เอพีซีเอชมาทำหน้าที่นี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะผู้ที่จะทำหน้าที่นี้ต้องมีความคุ้นเคยกับสัตว์ปีกเป็นอย่างดี

เหนืออื่นใดคือ มีผู้คนช่วยบริจาคเงินสมทบทุนค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปยังศูนย์เอพีซีเอชกันอย่างมากมาย ตลอดจนผู้ใจบุญมอบปลาอร่อยๆ มาเลี้ยงอาร์วีทุกวันที่น้องพักรักษาตัวอยู่ที่ศูนย์ ทั้งนี้ เว็บไซต์ข่าวเอ็มเอสเอ็นรายงานว่าคุณเพลิแกนขวัญใจประชาชน ใช้จะงอยปากความยาว 11 นิ้ว ในการกินปลาวันละ 4 ปอนด์โดยเฉลี่ย

นอกจากนั้น คือโทรศัพท์ อีเมล และแมสเสจจำนวนมหาศาลจากแฟนคลับของคุณเซเลบอาร์วี ที่ติดตามความคืบหน้าด้านสุขภาพ และด้านการเดินทางไปยังฟลอริดา อีกทั้งขอทราบอัปเดทสถานการณ์ของน้องในศูนย์บุชฯ

บินส่ง ‘เพลีอาร์วี’ ไปฟลอริดาราบรื่น มีบริการเอ็กเซอร์ไซส์ปีกให้น้องก่อนแอดมิดเข้า รพ.บุชฯ

ในภารกิจขับเครื่องบิน RV12 ไปฟลอริดา โดยมีคาร์โกอันล้ำค่าคือ น้องอาร์วี เพลิแกนดวงแข็ง ในถุงหูหิ้วโทตแบ็ก (Tote Bag) นั้น มีรายละเอียดที่ต้องประสานเตรียมการกับหลายฝ่ายทีเดียว

1. การประสานขอการอำนวยความสะดวกจากสนามบินเมอริเดน มาร์กแฮม แอร์พอร์ต ในคอนเนตทิคัต
2. เครื่องบิน RV12 ด้องมีการแวะเติมน้ำมัน 3 จุดในระหว่างเส้นทาง ซึ่งต้องประสานเตรียมการให้เป๊ะ
3.ต้องประสานกับศูนย์ฟื้นฟูสัตว์ป่าในแต่ละจุดแวะพักให้รอช่วยสนับสนุน เพราะอาจเกิดอุปสรรคที่ทำให้เครื่องบินไม่สามารถเดินทางต่อได้ เช่น ปัญหาสภาพอากาศ ศูนย์ในแต่ละจุดพักจะได้คอยช่วยดูแล อาทิ ในเรื่องของอาหารสำหรับเพลีอาร์วี คุณน้องนกกระทุงขวัญใจประชาชน

สาวสวยเอเดรียนา สแตรนด์ จัดวางกระเป๋าแบบที่ใช้ขนย้ายสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นเก้าอี้โดยสารอันอบอุ่นของอาร์วี เพราะรองพื้นกระเป๋าด้วยผ้าห่มอบอุ่นนุ่มสบาย (สังเกตดูจะงอยปากของน้องทางด้านขวาของกระเป๋า) ไว้ในส่วนวางสัมภาระด้านหลังที่นั่งนักบิน คุณแม่-คุณลูกดูโอ้ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ข่าว myrecordjournal.com ว่าน้องซึ่งอยู่ในอิริยาบถสงบเสงี่ยม เลือกจะหันหน้ากลับไปทางคอนเนตทิคัต ตลอดเส้นทาง
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เครื่องบินทะยานสู่ฟากฟ้าตั้งแต่ตี 5 ครึ่งด้วยความสนับสนุนยอดเยี่ยมจากเจ้าหน้าที่สนามบิน

ทุกขั้นตอนการนำส่งเป็นไปตามแผนเป๊ะตลอดเส้นทางทั้งนี้ คุณแม่-คุณลูกสกุลสแตรนด์ ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ข่าว myrecordjournal.com ว่าการเดินทางครั้งนี้ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น 12 ชั่วโมง นับเป็นประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราสำหรับนกเพลิแกน กล่าวคือใช้เพดานบินระดับ 8,500 ฟุต ซึ่งเป็นความสูงเกินศักยภาพปกติของนกเพลิแกนสีน้ำตาล และในแต่ละจุดที่แวะลงเติมน้ำมัน ผู้คนมากมายมารอดูเซเลบอาร์วี ขวัญใจประชาชน น้องก็นั่งนิ่งๆ ไม่ตื่นคน

“แต่ละครั้งที่ดิฉันลดระดับความสูงเพื่อแวะจอดเติมน้ำมัน ดิฉันจะคุยกับน้อง แล้วน้องก็ตอบรับด้วยการขบจะงอยปากนิดๆ ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นปฏิกิริยาที่ดีว่าน้องรับทราบ ไม่งอแงแต่อย่างใด” สาวเอเดรียนาให้สัมภาษณ์ “น้องนิ่งมากตลอดทางเลยค่ะ แล้วพอเติมน้ำมันเสร็จ เตรียมจะเดินทางต่อ ดิฉันก็บอกน้อง เค้าทำตอบด้วยเสียงงึมงำเบาๆ” นักบินสาว 20 เล่าเสริมอย่างนั้น

พร้อมนี้ คุณแม่และคุณลูกผู้หญิงแกร่งคู่ดูโอบอกด้วยว่าเงินบริจาคสนับสนุนค่าน้ำมันเครื่องบินยังมีเหลือเยอะ พวกเธอจะนำส่งให้ศูนย์เอพีซีเอชใช้ดำเนินงานช่วยเหลือนกอื่นๆ ต่อไป เพราะศูนย์ต้องการเงินบริจาคมาสนับสนุนกิจกรรม ตามรายละเอียดในเว็บไซต์ของศูนย์คือ aplacecalledhoperaptors.com

เมื่อเน็ด เฮอล์ และมาร์ตี เพอร์ตี นำน้องเพลี เซเล็บฯ ขวัญใจประชาชน ส่งมอบถึงมือของ ผอ.สเตฟานี ฟรังค์แซก แห่งโรงพยาบาลศูนย์บุชฯ เป็นที่เรียบร้อยในเวลามืดค่ำ เพลี อาร์วีถูกพาเข้าพักในโรงแรมฟรังค์แซคของท่านผู้อำนวยการ เพื่อรับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อร่างกายเป็นเวลาหลายชั่วโมง และแน่นอนว่าน้องอาร์วี่นอนพักผ่อนคืนนั้นกับท่านผู้อำนวยการ ภายในห้องพักโรงแรมของเธอ

ผอ.ฟรังค์แซกให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวเอพีว่า เธอพาน้องอาร์วีเข้าพักผ่อนในอ่างอาบน้ำของห้องพักโรงแรม และให้น้องได้ยืดเส้นสายและเนื้อตัว ตลอดจนกระพือปีกสบายๆ เพื่อความผ่อนคลาย หลังจากนั้นอาร์วีจะเข้าสู่กระบวนการรักษาดูแลที่สำคัญต่างๆ สำหรับโรคนิวมอเนียและโรคหิมะกัดซึ่งต้องใช้เวลารักษาและฟื้นฟูนานพอใช้ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัญหาเนื้อตายซึ่งปรากฏที่พังผืดเท้าอันเป็นอวัยวะสำคัญเพื่อใช้ในการว่ายน้ำ

อาร์วี เพลีหนุ่มน้อย สดใสหลังจากที่น้องนั่งสงบเสงี่ยมในเครื่องบินเล็กนาน 12 ชั่วโมงไปยังฟลอริดา น้องได้รับการเอ็กซ์เซอร์ไซส์ร่างกายหลาย ชม. พร้อมปลาอร่อยเพื่อรองท้องก่อนเข้านอน
ผลการวิเคราะห์อาการของเพลี อาร์วี ที่คลินิกของ Busch Wildlife Sanctuary ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ออกมาดีมาก น้องแจ่มใสกระฉับกระเฉง แต่ยังต้องได้รับอาหารเสริมเพื่อเร่งฟื้นฟูคุณภาพของร่างกาย รวมทั้งยาเฉพาะทางในอันที่จะช่วยเสริมสร้างระบบการหายใจ ตลอดจนการรักษาด้วยเลเซอร์เย็นเพื่อรักษาปัญหาเนื้อตายบริเวณพังผืดเท้าต่อไป

“โรคเนื้อตายนั้นถือว่าไม่ต้องห่วงแล้วค่ะ แต่ต้องเฝ้าระวังนิวมอเนียเพราะเค้าตรากตรำอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นนานมาก เราจะรักษาด้วยของเหลวเพื่อเสริมสร้างด้านอุณหภูมิร่างกายและการหมุนเวียนโลหิตที่เป็นปกติ และการพ่นยา ตลอดจนการดูแลฟื้นฟูคุณภาพของร่างกายเค้าค่ะ” ผอ.สเตฟานี ฟรังค์แซกให้ข้อมูลไว้อย่างนั้น

ศูนย์บุชฯ ยังไม่อาจกำหนดช่วงเวลาได้ว่า น้องอาร์วีจะต้องฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรงดั่งเดิมนานเพียงใด กว่าจะสามารถกลับคืนสู่ชายหาดและท้องทะเลตามธรรมชาติได้

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา : เอพี, เว็บไซต์ aplacecalledhoperaptors.com ของศูนย์ A Place Called Hope, เว็บข่าว fox61.com เว็บข่าว ctaudubon.org ของ The Connecticut Audubon Society เว็บข่าว myrecordjournal.com เว็บไซต์ lasersafetycertification.com เว็บข่าว msn.com)
กำลังโหลดความคิดเห็น