เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - เต๊ต เต๊ต ข่าย (Thet Thet Khine) อดีตสมาชิกพรรค NLD ที่ถูกขับออกจากพรรคปีที่แล้วประกาศในวันศุกร์ (5 ก.พ.) ว่าเธอไม่ใช่ผู้ทรยศต่อชาติ หลังจากรับปากกองทัพพม่าเข้าร่วมคณะ ครม.ของรัฐบาลรัฐประหารชุดใหม่ สื่อรัสเซียรายงาน เมียนมากลายเป็นเป็นชาติที่ 21 ของโลกอนุญาตให้วัคซีนสปุตนิก วี สามารถใช้ฉุกเฉินในประเทศได้
Tass สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) ว่า อ้างอิงจากคำแถลงผ่านทางทวิตเตอร์ของสปุตนิก วี พบว่าเมียนมาในเวลานี้กลายเป็นชาติที่ 21 ของโลกที่ขึ้นทะเบียนวัคซีนสปุตนิก วี ของรัสเซียสำหรับการใช้ฉุกเฉินในประเทศ
“เมียนมากลายเป็นชาติที่ 21 ในโลกที่ขึ้นทะเบียน สปุตนิก วี” รายงานจากแถลงการณ์ผ่านทางทวิตเตอร์
กองทุนการลงทุนโดยตรงรัสเซีย RDIF (Russian Direct Investment Fund) แถลงต่อนักข่าวว่า การขอขึ้นทะเบียนเป็นไปเพื่อกระบวนการอนุญาตเพื่อการใช้ฉุกเฉินซึ่งไม่จำเป็นต้องการศึกษาเพิ่มเติมทางคลินิกวิทยาภายในประเทศเมียนมา
คิริล ดมิเตรียฟ (Kirill Dmitriev) ซีอีโอของ RDIF กล่าวว่า “เมียนมากลายเป็นชาติแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำการอนุญาตอย่างเป็นทางการเพื่อการใช้สปุตนิก วี ที่เป็นหนึ่งในวัคซีนโควิด-19 ของโลกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีความปลอดภัยสูงสุด จำนวนประเทศในภูมิภาคที่จดทะเบียนจะเพิ่มขึ้นในอนาคต จากการที่เราเห็นความต้องการอย่างสูงต่อวัคซีนและทางเราพร้อมที่จะช่วยเหลือพันธมิตรพวกเราในการปกป้องสุขภาพของประชาชน”
ทั้งนี้ ช่วงต้นของวันเสาร์ (6) แหล่งข่าวทางการทูตและทางการทหารของรัสเซียได้เปิดเผยกับนักข่าวที่กรุงมอสโกว่า “การตัดสินใจขึ้นทะเบียนวัคซีนรัสเซียภายใต้การใช้ฉุกเฉินนั้นมาจากรักษาการประธานาธิบดีพม่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย (Min Aung Hlaing) ที่มีข่าวเป็นคลิปว่ามีคนหน้าคล้ายบุตรชายโปรยเงินแจกฉลองผู้เป็นบิดาสามารถทำรัฐประหารได้สำเร็จ
Tass รายงานว่าล็อตแรกของวัคซีนสปุตนิก วี ถูกส่งเข้าพม่ามาตั้งแต่มกราคมสำหรับการขออนุญาตเพื่อใช้ฉุกเฉิน โดยสำหรับประสิทธิภาพวัคซีน วารสารทางการแพทย์ชื่อดังของอังกฤษรายงานวันอังคาร (2) ว่า สปุตนิก วี มีประสิทธิภาพราว 91.2%
ขณะเดียวกัน ปัญหาภายในพม่ายังไม่จบ ยังคงมีการเดินขบวนจำนวนมากที่เมืองย่างกุ้งทั้งในวันเสาร์ (6) และวันอาทิตย์ (7) ต่อต้านการทำรัฐประหารถึงแม้ว่ากองทัพจะทำการตัดสัญญาณอินเตอร์เนต โดยกลุ่มผู้ประท้วงออกมาสนับสนุนอองซานซูจี และและประธานาธิบดีพม่า วิน-มินต์ (Win Myint) จากพรรค NLD
เดอะการ์เดียนรายงานว่า นักข่าวรอยเตอร์ชี้ว่า ประชาชนเมียนมาออกมาอย่างท่วมท้นในเมือง Hledan วันนี้ (7) มีบางส่วนเดินลงบนท้องถนนปะปนกับรถราที่จอดแน่นิ่งและเดินมาร์ชภายใต้สภาวะอากาศที่ร้อนจัดกลางถนน พร้อมตะโกนว่า “พวกเราไม่ต้องการเผด็จการทหาร พวกเราต้องการประชาธิปไตย”
คนเหล่านั้นโบกธงพรรค NLD ของซูจีพร้อมกับชู 3 นิ้วเป็นสัญลักษณ์ที่กลายเป็นสิ่งที่ใช้ต่อต้านในการทำรัฐประหารในพม่า ท่ามกลางนักขับเมียนมาที่บีบแตรและผู้โดยสารต่างถือภาพของซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ
กลายเป็นการเดินขบวนวันที่ 2 ติดต่อกันในการต่อต้านการทำรัฐประหารพม่า และมีคนกว่า 160 คนถูกจับกุมนับตั้งแต่การยึดอำนาจเกิดขึ้นในวันจันทร์ (1) แรกของเดือน
ทั้งนี้พบว่ามีตำรวจจำนวนมากปรากฎตัวระหว่างการประท้วง รวมไปถึงตำรวจปราบจลาจล รถน้ำ แต่สื่อต่างๆ รายงานว่าการประท้วงวันอาทิตย์ (7) ที่ผ่านมาเป็นไปได้ด้วยดีและไม่มีการปะทะ
การประท้วงด้วยวิธีอหิงสาของประชาชนชาวเมียนมาเกิดขึ้นท่ามกลางการประกาศเข้าร่วมรัฐบาลรัฐประหารพม่าของอดีตพันธมิตรทางการเมืองซูจีวันศุกร์ (6) รอยเตอร์รายงานว่า เต๊ต เต๊ต ข่าย (Thet Thet Khine) อดีตสมาชิกพรรค NLD ที่ถูกขับออกจากพรรคเมื่อปี 2019 ก่อนที่จะตั้งพรรคของตัวเองในเวลาต่อมา ได้ประกาศยอมรับตำแหน่งรัฐมนตรีในชุดรัฐบาลรัฐประหารพม่า
โดยว่า เต๊ต เต๊ต ข่าย ซึ่งเป็นทั้งนักเคลื่อนไหว หมอ นักธุรกิจ และผู้ค้าอัญมณีที่ทรงอิทธิพลในพม่าก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งเข้ารัฐสภาในฐานะสมาชิกพรรค NLD ของซูจีเมื่อปี 2015 เคยกล่าวในปีที่แล้วว่า ประเทศเมียนมาจำเป็นต้องร่วมมือกับกองทัพพม่าไม่ใช่ต่อต้านกัน ได้แถลงต่อสาธารณะในวันศุกร์ (6)ว่า เธอไม่ใช่คนทรยศต่อชาติ
เต๊ต เต๊ต ข่าย รัฐมนตรีกิจการสวัสดิการสังคมพม่า ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลทหารพม่าชุดใหม่นั้นครอบคลุมทุกฝ่าย และยึดมั่นต่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหนึ่งในการให้สัมภาษณ์จากทั้งหมด 2 ครั้งที่สมาชิกในรัฐบาลทหารพม่าชุดใหม่ออกมาหลังจากรัฐประหารได้เกิดขึ้น
เธอกล่าวว่า “ในความจริงว่ากองทัพยังคงทำตามกฎหมาย ซึ่งเราต้องยอมรับอย่างยินดี” และยืนยันว่า “ดิฉันไม่ได้กำลังทรยศต่อประเทศ”
รอยเตอร์รายงานว่า การทำรัฐประหารได้สร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนไปทั่วประเทศ และทำให้เต๊ต เต๊ต ข่าย วัย 53 ปีถูกประณามอย่างแพร่หลายบนโลกโซเชียลมีเดียว่า เป็นคนทรยศชาติ และมีการเรียกร้องให้บอยคอตต์บริษัทอัญมณีของเธอ
ในการให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ เธอที่ยังคงแสดงความเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องสนับสนุนกองทัพพม่าต่อไปว่า “ในการที่จะทำให้กองทัพพม่าค่อยถอยฉากออกไปจากการเมือง พวกเราต้องช่วยกัน หากว่าพวกเราต่อต้านและขับไล่พวกเขาออกไป ประเทศจะไม่มีวันสงบสุข” และ “การทำให้เป็นประชาธิปไตยกำลังดำเนินอยู่ แต่ความยุ่งยากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ระหว่างกระบวนการ”