ประชาชนหลายพันคนเดินขบวนและชู 3 นิ้วต่อต้านรัฐประหารในเมืองย่างกุ้งของพม่า ในวันอาทิตย์ (7 ก.พ.) ในขณะที่มาตรการตัดอินเทอร์เน็ตล้มเหลวในความพยายามสยบความโกรธเคืองของผู้คน ต่อกรณีที่กองทัพเข้ายึดอำนาจจากอองซานซูจี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง
นับเป็นวันที่ 2 แล้วที่มีการชุมนุมต่อต้านรัฐประหารในเมืองใหญ่ที่สุดของพม่าแห่งนี้ โดยผู้เข้าร่วมหลายคนพบเห็นสวมเสื้อสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของพรรคคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจี
“เราจะเดินหน้าและคงเสียงเรียกร้องจนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตย ไปตายซะเผด็จการทหาร” เมียว วิน ผู้ประท้วงวัย 37 ปี บอกกับเอเอฟพี
ส่วนผู้ประท้วงคนอื่นๆ ชูป้ายข้อความต่างๆ นานา ในนั้นรวมถึงข้อความว่า “เราไม่ต้องการเผด็จการทหาร”
ระหว่างการเดินขบวนและร้องตะโกนนั้น ผู้ประท้วงหลายคนชู 3 นิ้วต่อต้านรัฐประหาร เลียนแบบขบวนการฝักใฝ่ประชาธิปไตยในไทย
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รถตำรวจถูกส่งเข้าประจำการ ณ จุดชุมนุม ใกล้มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง และมีตำรวจปราบจลาจลเตรียมพร้อมอยู่บริเวณใกล้เคียง
“เผด็จการทหารหยั่งรากในประเทศของเรามาช้านาน” เมียต โซ จอ วัย 27 ปีบอกกับเอเอฟพี “เรายืนหยัดต่อต้านมัน”
แม้มีการประจำการตำรวจปราลจลาจลจำนวนมาก พร้อมกับมีอุปกรณ์ฉีดน้ำแรงกดดันสูงสนับนสนุน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานเหตุความวุ่นวายร้ายแรงใดๆ
ก่อนหน้านี้ สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเขียนบนทวิตเตอร์ตามหลังการประท้วงเมื่อวันเสาร์ (6 ก.พ.) ว่า “กองทัพพม่าและตำรวจต้องรับประกันว่าจะเคารพสิทธิเสรีภาพการชุมนุมอย่างเต็มที่ และผู้ชุมนุมจะต้องไม่ถูกแก้แค้น”
การลุกฮือแสดงความขัดขืนของประชาชนในช่วงสุดสัปดาห์ บดบังข่าวคราวอินเทอร์เน็ตถูกตัดทั่วประเทศ แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ตามหลังกองทัพเข้าจับกุมตัวอองซานซูจี และแกนนำระดับสูงคนอื่นๆ
ถึงแม้หลังการเข้ายึดอำนาจของกองทัพ ซึ่งมีการทหารและยานยนต์หุ้มเกราะออกลาดตระเวนในเมืองสำคัญต่างๆ แต่ปรากฏว่าในช่วงค่ำคืนของนครย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าที่ยังคงเป็นศูนย์กลางด้านการพาณิชย์ และเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้เกิดเสียงดังอึกทึกต่อเนื่องกันอย่างยาวนานหลายคืนติดต่อกัน ชาวเมืองพากันบีบแตรรถยนต์ ตลอดจนเคาะหม้อ เคาะกระทะ กระป๋องกันสนั่นหวั่นไหวไปทั่วเมือง เป็นการตอบสนองการนัดแนะกันผ่านทางโซเชียลมีเดีย
ในวันอาทิตย์ (7 ก.พ.) ชาวเเมืองได้ร่วมกันเคาะกระทะกระป๋องกันสนั่นหวั่นไหวอีกรอบ แต่หนนี้เริ่มต้นกันในตอน 08.00 น.
(ที่มา : เอเอฟพี)