เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) เพิ่งส่งเงิน 350 ล้านดอลลาร์(ราว 10,000ล้านบาท) ในรูปแบบของเงินสด ให้แก่รัฐบาลพม่า ส่วนหนึ่งในแพ็คเกจช่วยเหลือฉุกเฉินแบบไม่มีเงื่อนใดๆ สำหรับช่วยประเทศแห่งนี้ต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ไม่กี่วันต่อมา เหล่าผูุ้นำกองทัพเข้ายุดอำนาจและควบคุม อองซานซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่มาจากการเลือกตั้ง ในความเคลื่อนไหวที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุในวันอังคาร(2ก.พ.) ว่าเขาองค์ประกอบของรัฐประหาร
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการจ่ายเงินและบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินระหว่างประเทศ บอกว่าดูจะมีโอกาสแค่เล็กน้อยที่ทางไอเอ็มเอฟจะเรียกคืนเงินดังกล่าวกลับมา ขณะที่เงินช่วยเหลือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเบิกจ่ายรวดเร็วสนับสนุนทางการเงินสู้โควิด-19 ซึ่งแทบไม่มีเงื่อนไขใดๆ และได้รับความเห็นชอบจากไอเอ็มเอฟเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา
โฆษกของไอเอ็มเอฟระบุในถ้อยแถลงทางอีเมลที่ส่งถึงสำนักข่าวรอยเตอร์สวันอังคาร(2ก.พ.) "เรากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เรารู้สึกกังวลใหญ่หลวงต่อผลกระทบของเหตุการณ์นี้ที่มีต่อเศรษฐกิจและต่อประชาชนชาวพม่า" พร้อมยืนยันว่าได้จ่ายเงินครบถ้วนสมบูรณ์ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ซึ่งต้องเผชิญกับวิกฤตสถานการณ์ระหว่างประเทศครั้งแรก ทั้งที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ขู่คว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานบรรดานายพลของกองทัพหม่า และทางกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาบอกว่าจะทำการทบทวบเงินช่วยเหลือต่างประเทศที่มอบแด่ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้
อย่างไรก็ตามสหรัฐฯคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของไอเอ็มเอฟ ซึ่งมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินด้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แก่พม่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ในช่วง 7 เดือนหลังสุด ในนั้นรวมถึงเงิน 350 ล้านดอลลาร์ที่เพิ่งจ่ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแบ่งเป็น 116.6 ล้านดอลลาร์ ผ่านโครงการอาร์ซีเอฟ (Rapid Credit Facility)ของไอเอ็มเอฟ เป็นเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยสำหรับสมาชิกรายได้ต่ำ และอีก 223.4 ล้านดอลลาร์ ผ่านโครงการอาร์เอฟไอ(Rapid Financing Instrument)ที่ปล่อยกู้ให้กับสมาชิกทุกประเทศ
กองทุนระหว่างประเทศระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันที่ 13 มกราคม ว่าเงินนี้จะช่วยพม่ามีดุลการชำระเงินเร่งด่วนที่จำเป็น สำหรับรับมือกับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาตรการฟื้นฟูเยียวยาต่างๆของรัฐบาล เพื่อรับประกันเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคและทางการเงิน ขณะที่รัฐบาลพม่าจำเป็นต้องให้การสนับสนุนภาคต่างๆที่ได้รับผลกระทบและกลุ่มคนอ่อนแอ
เงินช่วยเหลือในครั้งนี้ต่างจากโครงการสนับสนุนทางการเงินปกติทั่วไปของไอเอ็มเอฟ โดยมันส่งมอบอย่างรวดเร็วและไม่มีสิทธิ์เรียกคืน "มันไม่ใช่โครงการที่เกิดจากการเจรจาต่อรอง มันไม่มีเงื่อนไข และไม่มีการทบทวนการเบิกจ่าย" สเตฟานี เซกาล อดีตนักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟและเจ้าหน้าประจำกระทรวงการคลังสหรัฐฯกล่าว "ฉันไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า เคยมีเงินก้อนไหนที่ทางไอเอ็มเอฟอนุมัติไปแล้ว แล้วสามารถเรียกคืนได้"
นับตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายปี 2019 ไอเอ็มเอฟมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ประเทศต่างๆไปแล้วกว่า 80 ชาติ
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการจ่ายเงินระบุว่ากรอบเวลาของการจ่ายเงินล่าสุดแก่พม่าถือเป็นเรื่องเคราะห์ร้ายอย่างมาก และชี้ว่าความเสี่ยงของโครงการช่วยเหลือทางการเงินแบบเร่งด่วนนี้ก็คือ เปิดทางให้รัฐบาลของแต่ละชาติใช้ดุลยพินิจของตนเองอย่างกว้างขวาง ว่าจะนำเงินไปใช้ในรูปแบบใด
กรณีที่ดีที่สุดก็คือ รัฐบาลพม่าที่หลุดพ้นจากวิกฤตการเมืองในปัจจุบัน จะนำเงินไปใช้จ่ายอย่างเหมาะสม เพราะว่าพวกเขายังคงต้องการสานความสัมพันธ์กับไอเอ็มเอฟ แหล่งข่าวระบุ
(ที่มา:รอยเตอร์ส)