xs
xsm
sm
md
lg

อาการหนัก! ยอดติดเชื้อโควิดในสหรัฐฯ ทะลุ 25 ล้านคน เร่งสกัดตัวกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สหรัฐฯ ผ่านอีกหลักชัยอันน่าเศร้าในการต่อสู้กับโควิด-19 นานแรมปี ด้วยยอดผู้ติดเชื้อทะลุ 25 ล้านคนหรือ 8% ของจำนวนประชากร ในวันอาทิตย์ (24 ม.ค.) ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะแบนนักเดินทางจากแอฟริกาใต้ ในความพยายามสกัดตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

เมื่อวันเสาร์ (23 ม.ค.) สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 172,878 คน น้อยกว่าค่าเฉลี่ยช่วง 7 วันก่อนหน้านี้ ราวๆ 0.7% จากตัวเลขที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ นับเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่ลดลงมาค่อนข้างมาก จากครั้งหนึ่งที่เคยพุ่งแตะระดับเกือบๆ 300,000 คน หลังเทศกาลคริสต์มาส ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด

อย่างไรก็ตาม ค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์ ยังคงอยู่เหนือระดับ 175,000 คนต่อวัน ถือว่ายังสูงลิ่วอยู่

จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ พุ่งผ่าน 417,000 คนแล้ว หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 3,390 คนในวันเสาร์ (23 ม.ค.)

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งให้รายละเอียดเกี่ยวกับยุทธศาสตร์แห่งชาติในการรับมือกับโควิด-19 เป็นครั้งแรก เตือนว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจแตะระดับ 600,000 คน ก่อนวัคซีนจะเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันในขอบเขตที่กว้างขวาง ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อเกือบจะแน่นอนว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ 25 ล้านคนนั้นคงต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากผู้คนจำนวนมากไม่แสดงอาการหรือยังไม่ได้เข้ารับการติดเชื้อ

สหรัฐฯ เป็นชาติที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก รองลงมาได้แก่ อินเดีย แต่อเมริกามีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า อินเดียกว่าเท่าตัว

ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งไม่หยุด มีขึ้นในขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ บอกกับรอยเตอร์ว่า ประธานาธิบดีไบเดน จะกำหนดคำสั่งห้ามพลเมืองต่างชาติที่เร็วๆ นี้เพิ่งอยู่ในแอฟริกาใต้ เดินทางเข้าประเทศ เริ่มตั้งแต่วันเสาร์เป็นต้นไป ในความพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ของโควิด-19

นอกจากนี้แล้ว ในวันจันทร์ (25 ม.ค.) ไบเดนจะกลับมากำหนดคำสั่งห้ามนักเดินทางต่างชาติที่เร็วๆ นี้เพิ่งอยู่ในบราซิล, สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์ และ 26 ประเทศในยุโรป เดินทางเข้าสหรัฐฯ เช่นกัน ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อ้างของแหล่งข่าวหลายคนซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 18 มกราคม ยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ที่กำหนดกับนักเดินทางจากบราซิล และยุโรป โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันอังคาร (26 ม.ค.) เป็นต้นไป แต่คำประกาศของไบเดนจะเป็นการลบล้างคำสั่งดังกล่าวของทรัมป์


ไบเดนซึ่งเข้ารับตำหน่งเมื่อวันพุธ (20 ม.ค.) กำลังใช้แนวทางเชิงรุกในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัส ที่มาในรูปแบบของการเดินทาง หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ปฏิเสธออกคำสั่งห้ามตามคะแนะนำของบรรดาหน่วยงานสาธารณสุขทั้งหลาย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบางส่วนแสดงความกังวลว่าวัคซีนในปัจจุบันอาจไม่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับตัวกลายพันธุ์ของโควิด-19 จากแอฟริกาใต้ ซึ่งเพิ่มแนวโน้มความเป็นไปได้ของการติดเชื้อใหม่อีกรอบ

ตัวกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 501Y.V2 แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าตัวดั้งเดิม 50% และตรวจพบแล้วอย่างน้อยใน 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในเรื่องนี้ทางสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) บอกว่าอาจใส่ชื่อประเทศต่างๆ ในบัญชีดำแบนด้านการเดินทางเพิ่มเติม หากมีความจำเป้น

ปัจจุบันสหรัฐฯ ยังไม่พบตัวกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ แต่มีอย่างน้อย 20 รัฐของอเมริกา พบตัวกลายพันธุ์จากสหราชอาณาจักร หรือที่รู้จักกันในชื่อ B.1.1.7. อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าวัคซีนโควิด-19 ในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับตัวกลายพันธุ์จากสหราชอาณาจักร

โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวจการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ จะลงนามในคำสั่งอีกฉบับในวันจันทร์ (25 ม.ค.) บังคับสวมหน้ากากบนเที่ยวบินทุกเที่ยว, เรือเฟอร์รี, รถไฟ, รถไฟใต้ดิน, รถบัสโดยสาร, แท็กซี่และรถร่วมเดินทาง (ride-share vehicles) จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ โดยข้อกำหนดใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ในวันอังคาร (26 ม.ค.) กฎระเบียบใหม่ของซีดีซีที่จะมีผลบังคับใช้ก็คือ การกำหนดให้นักเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศทุกคน อายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป ที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ ภายใน 3 วันก่อนออกเดินทาง หรือพิสูจน์แล้วว่าหายป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ซีอีซียืนยันตามคำเดิมที่เคยพูดไว้เมื่อวันที่ 12 มกราคม ว่าจะไม่อนุมัติให้สายการบินต่างๆ ให้สิทธิยกเว้นนักเดินทางบางส่วนที่เดินทางมาจากบรรดาประเทศที่มีศักยภาพการตรวจเชื้อค่อนข้างจำกัด หลังจากมีเสียงเรียกร้องจากบรรดาสายการบินต่างๆ ของสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของซีดีซีบอกว่าหากมีความจำเป็น พวกเขาจะพิจารณาให้สิทธิยกเว้นด้านมนุษยธรรมเป็นกรณีๆ ไปสำหรับนักเดินทางบางราย

(ที่มา : บลูมเบิร์ก/รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น