xs
xsm
sm
md
lg

ความล้มเหลวของโดนัลด์ ทรัมป์!! จีนยังคงได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 7.1% ในปีสุดท้ายที่เขาครองอำนาจ

เผยแพร่:   โดย: สำนักข่าวเอเอฟพี


เรือสินค้าแล่นไปตามแม่น้ำแยงซี ในภาพถ่ายจากทางอากาศที่บริเวณเมืองหนานถง ในมณฑลเจียงซู ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อวนที่ 2 ม.ค. 2021
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ WWW.asiatimes.com)

China trade surplus with US widens 7.1% in 2020
by Beiyi Seow , AFP
14/01/2021

ข้อมูลทางศุลกากรของปักกิ่งแสดงให้เห็นว่า จีนได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯสูงขึ้นเป็น 316,900 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 ที่ผ่านมา อันเป็นปีสุดท้ายแห่งวาระการเป็นประธานาธิบดีอเมริกันของโดนัลด์ ทรัมป์

จีนได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความล้มเหลวของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งต้องการทำให้ตัวเลขนี้หดแคบลงในระหว่างสมัยการกุมบังเหียนของเขา ขณะเดียวกันก็ชี้ถึงอุปสงค์ความต้องการด้านอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พุ่งทะยานขึ้นมากระหว่างเกิดโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

การได้ดุลที่สูงขึ้นเช่นนี้ของจีน ได้รับแรงหนุนจากยอดส่งออกซึ่งกระโจนพรวดตลอดระยะเวลาส่วนใหญ่ของปีที่แล้ว ขณะที่พวกโรงงานต่างๆ ของแดนมังกรกลับมาเริ่มต้นคึกคักกันใหม่ตั้งแต่ไตรมาสสอง ภายหลังการใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในช่วง 3 เดือนแรกของปี ซึ่งส่งผลให้สามารถควบคุมโควิด-19 ได้ในวงกว้าง และเปิดทางให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมา

ทรัมป์ได้ประกาศถือเอาการแก้ไขภาวะขาดดุลการค้ากับจีน เป็นเรื่องที่มีความสำคัญลำดับสูงเรื่องหนึ่ง ในตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 4 ปีก่อน และได้ลงนามในการทำความตกลงทางการค้าเป็นบางส่วน หรือที่เรียกกันว่าข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่ง กับปักกิ่ง เพื่อให้แดนมังกรเพิ่มทวีการซื้อหาสินค้าจากอเมริกา เป็นต้นว่า ถั่วเหลือง

แต่จากตัวเลขข้อมูลทางศุลกากรที่ปักกิ่งเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) กลับแสดงให้เห็นว่า จีนได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯในปี 2020 สูงขึ้นจากปี 2019 อยู่ 7.1% ทำให้ตัวเลขกลายเป็น 316,900 ล้านดอลลาร์

หากเปรียบเทียบกับปี 2017 ซึ่งเป็นปีแรกที่ทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ตัวเลขนี้ก็กระโจนขึ้นมา 14.9% จากยอดที่จีนได้เปรียบสหรัฐฯในปีดังกล่าวซึ่งอยู่ที่ 275,800 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ยอดส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯในปี 2020 ขยับสูงขึ้นกว่าเมื่อปี 2019 อยู่ 7.9% มาอยู่ที่ 45,200 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้คณะบริหารทรัมป์ได้ขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าจีนแทบทั้งหมด ส่วนการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น 9.8% อยู่ที่ 13,500 ล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเนื่องจากปักกิ่งปฏิบัติตามสัญญาซึ่งให้ไว้ในข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่ง ที่ว่าจะซื้อถั่วเหลือง ตลอดจนแก๊สธรรมชาติ และสินค้าอื่นๆ จากสหรัฐฯให้มากขึ้น

ขณะที่ระบบเศรษฐกิจซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรายนี้ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการหดตัวอย่างรุนแรงชนิดสร้างสถิติใหม่ในรอบไตรมาสแรกของปีที่แล้ว เนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทำให้กิจกรรมทั้งหลายอยู่ในภาวะหยุดชะงักกันไปหมดจริงๆ แต่ไม่นานต่อมามันก็กลับฟื้นคืนชีพได้ เมื่อการล็อกดาวน์ทั่วประเทศได้รับการผ่อนคลาย และประชาชนสามารถกลับไปทำงานกันได้ใหม่

ตลอดปีที่แล้ว ยอดส่งออกของจีนไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ได้เพิ่มขึ้นจากปี 2019 อยู่ 3.6% มาอยู่ที่ระดับ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ ถึงแม้การนำเข้าได้หดตัวลง 1.1% มาอยู่ที่ราวๆ 2 ล้านล้านดอลลาร์นิดๆ ทำให้แดนมังกรได้เปรียบดุลการค้าทั่วโลกอยู่ 535,000 ล้านดอลลาร์

ไม่เพียงเท่านั้น เฉพาะในเดือนธันวาคม ทั้งยอดส่งออกและยอดนำเข้าของจีนต่างไต่ขึ้นแรงกว่าที่ได้รับการคาดหมายกันไว้ โดยอยู่ที่ 18.1% และ 6.5% ตามลำดับ ทำให้มียอดได้เปรียบดุลการค้าอยู่ที่ 78,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งพวกนักวิเคราะห์บอกว่า อยู่ในระดับเป็นสถิติใหม่หรือไม่ก้ใกล้เคียงกับการสร้างสถิติใหม่

“จากการที่จีนสามารถควบคุมโรคระบาดใหญ่เอาไว้ได้แล้ว พวกโรงงานและพวกบริษัทที่มุ่งเน้นการส่งออกก็ได้กลับมาดำเนินกิจการกันตามปกติได้อย่างรวดเร็วก่อนประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ จึงกำลังเปิดทางให้จีนสามารถสนองความต้องการของทั่วโลกได้ดีกว่าคนอื่นๆ” นี่เป็นความเห็นของ สตีเฟน อินเนส (Stephen Innes) นักยุทธศาสตร์ของ แอ็กซี (Axi)

หลี่ ขุยเหวิน (Li Kuiwen) โฆษกของสำนักงานบริหารศุลกากรของจีน กล่าวในการแถลงข่าววันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ว่า “ถึงแม้เผชิญกับความยากลำบากและความท้าทายต่างๆ อย่างชนิดไม่เคยประสบมาก่อน แต่การนำเข้าและการส่งออกของประเทศเราก็มีผลงานที่สดใสออกมา” และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผลลัพธ์นี้ “ดีกว่าอย่างมากทีเดียวจากที่คาดหมายกันเอาไว้”

หลี่ชี้ว่า การส่งออกพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ไต่สูงขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ในครัวเรือน เช่นเดียวกับพวกเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์

เขาเสริมด้วยว่า ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว จีนส่งออกหน้ากากอนามัยเป็นจำนวน 224,200 ล้านชิ้น เท่ากับเกือบ 40 ชิ้นสำหรับทุกๆ คนที่อยู่นอกประเทศจีน

ด้าน ไอริส แพง (Iris Pang) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ดูแลด้านจีนและปริมณฑล ของ ไอเอ็นจี ให้ความเห็นว่า การส่งออกของจีนเมื่อปี 2020 น่าจะทำได้ดีจริงๆ เนื่องจาก “พวกผู้ส่งออกรายอื่นๆ นั้นแทบตลอดปีที่แล้วต่างอยู่ในฐานะลำบากสืบเนื่องจากโควิด-19” ทำให้มีการโยกย้ายออร์เดอร์สั่งซื้อมาที่จีนกันมากขึ้น

ขณะที่ดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนนั้น เธอมองว่าข้อจำกัดต่างๆ จากการที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดไม่หยุดในสหรัฐฯ น่าจะเป็นปัจจัยกระทบศักยภาพการส่งออกของอเมริกาด้วย

“อีกอย่างหนึ่งก็คือ ระหว่างการระบาดของโควิด-19 ราคาพวกสินค้าโภคภัณฑ์บางอย่างได้ลดต่ำลง และเรื่องนี้มีผลกระทบต่อมูลค่าของสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งจีนนำเข้าด้วย” เธอชี้ พร้อมกับเสริมว่า ปักกิ่งน่าที่จะกระทำตามเงื่อนไขต่างๆ ของข้อตกลงการค้าที่ทำเอาไว้กับสหรัฐฯต่อไปอีก เพื่อเป็นการสกัดไม่ให้วอชิงตันเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมขึ้นมา

สำหรับ ลี่ว์ ถิง (Lu Ting) หัวหน้านักเศรษฐกิจด้านจีนของโนมูระ ชี้ว่าจีนนำเข้าจากสหรัฐฯพุ่งพรวดขึ้นมาในระดับสูงกว่าปีก่อนถึง 45% ในเดือนธันวาคม “บ่งชี้ถึงการที่ปักกิ่งยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องในการกระทำตามคำมั่นสัญญาต่างๆ ที่ตนได้ให้ไว้ตามข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่ง”

ในสมัยของคณะบริหารทรัมป์ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนได้เสื่อมทรามลงจนอยู่ในระดับเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี ส่วนใหญ่เนื่องมาจากสงครามการค้าซึ่งได้เห็นวอชิงตันเล่นงานสินค้าเข้าจากจีนด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรอย่างแรงๆ ส่งผลให้เกิดการตอบโต้และการเอาคืนแบบมาไม้ไหนไปไม้นั้น

แต่สำหรับปี 2021 ลี่ว์บอกว่า โดยภาพรวมแล้วเขาคาดหมายว่าอัตราเติบโตของการส่งออกของจีนจะ “ยังคงยกระดับขึ้นไปอีก” ในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 กำลังกระตุ้นความต้องการในด้านอุปกรณ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ตลอดจนพวกผลิตภัณฑ์สำหรับการทำงานจากบ้าน ในตลอดทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม สำหรับ โรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ (Robert Lighthizer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (US Trade Representative) ของคณะบริหารทรัมป์ ที่กำลังใกล้จะพ้นตำแหน่ง ฝยระหว่างที่เขาให้สัมภาษณ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลสัปดาห์นี้ เขายังคงปกป้องแก้ต่างให้แก่ยุทธวิธีต่างๆ ของคณะบริหารทรัมป์ในการขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ โดยยืนยันว่า ทรัมป์ “ได้เปลี่ยนแปลงวิถีทางที่ผู้คนขบคิดเกี่ยวกับจีน”

(ผู้แปลได้เพิ่มเติมข้อมูลจากรายงานของสำนักข่าวเอพีด้วย)


กำลังโหลดความคิดเห็น