เอเจนซีส์ – สหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เคสแรก ขณะที่ไบเดนลั่นพร้อมงัดกฎหมายสมัยสงครามเพื่อเร่งรัดการผลิตและฉีดวัคซีนให้คนอเมริกัน แขวะโปรเจ็กต์ทรัมป์ล่าช้ากว่าเป้าหมายไปมาก ขณะเดียวกัน สิงคโปร์เป็นชาติแรกในเอเชียที่เริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิดของไฟเซอร์ให้ประชาชนแล้วเมื่อวันพุธ (30 ธ.ค.) คาดเสร็จสิ้นการฉีดวัคซีนผู้คนทั่วประเทศคนละ 2 โดสภายในสิ้นปีหน้า
สหรัฐฯเจอผู้ป่วยไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่กำลังสร้างความหวาดหวั่นไปทั่วโลกเป็นรายแรก เมื่อรัฐโคโรลาโดรายงานในวันอังคาร (29) พบผู้ติดเชื้อไวรัส บี.1.1.7 สายพันธุ์เดียวกับที่พบในอังกฤษ โดยคนไข้เป็นชายหนุ่มวัย 20 ปีที่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ
วันเดียวกัน ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกมาย้ำเตือนว่า สถานการณ์โควิดในอเมริกาอาจยังไม่ดีขึ้นจนกว่าจะถึงเดือนมีนาคม โดยในช่วง 2-3 สัปดาห์หน้าอาจเข้าสู่ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุด
ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยโควิดในอเมริกาที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลประจำวันจันทร์ (28) ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่กว่า 121,000 คน และรัฐแคลิฟอร์เนียต้องขยายคำสั่งล็อกดาวน์ออกไปไม่มีกำหนดสำหรับพื้นที่แคลิฟอร์เนียใต้ หลังจากจำนวนเตียงผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยวิกฤตในหลายเทศมณฑลเหลือน้อยเต็มทีหรือไม่เหลือแล้ว
ไบเดนระบุว่า การฉีดวัคซีนให้มวลชนเป็นหนึ่งในภารกิจท้าทายที่สุดที่สหรัฐฯเคยเผชิญมา และให้สัญญาว่า อเมริกาจะรับมือวิกฤตนี้ได้ดีขึ้นหลังจากตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม
ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ยังโจมตีแผนแจกจ่ายวัคซีนของคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าล่าช้ากว่าเป้าหมายมาก กล่าวคือจากที่คาดไว้ว่า จะฉีดวัคซีนให้ประชาชน 20 ล้านคนภายในสิ้นเดือนนี้ แต่จนถึงตอนนี้เพิ่งฉีดไปได้เพียง 2.1 ล้านคนเท่านั้น
ไบเดนย้ำว่า คณะบริหารของเขาเองจะเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนไดเ 100 ล้านคนภายใน 100 วันแรกหลังรับตำแหน่ง และยืนยันว่า อาจบังคับใช้กฎหมายสมัยสงครามเกาหลีเพื่อบังคับให้บริษัทเอกชนเร่งผลิตวัคซีน
ทั้งนี้ หลังจากตัวไบเดนเองได้รับการฉีดวัคซีนในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อวันอังคาร(29) ว่าที่รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ก็ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรกโดยเปิดให้สื่อเข้าทำข่าวที่กรุงวอชิงตัน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนในการฉีดวัคซีน
ทางด้านอังกฤษที่พบไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์บี.1.1.7 ซึ่งมีความสามารถแพร่ระบาดเร็วขึ้นเป็นครั้งแรกช่วงกลางเดือนนี้ มีรายงานว่า จำนวนเคสใหม่ในวันอังคารพุ่งทำสถิติอีกครั้งโดยอยู่ที่ 53,135 คน
ขณะที่แอฟริกาใต้ซึ่งพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เช่นกัน แต่เป็นคนละสายพันธุ์กับอังกฤษ โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 300 คนนั้น เมื่อวันจันทร์ (28) กลายเป็นประเทศแรกในทวีปแอฟริกาที่มีผู้ติดเชื้อถึงหลัก 1 ล้านคน และรัฐบาลได้ประกาศห้ามจำหน่ายสุรา รวมทั้งบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ
ด้านอเมริกาใต้ เมื่อวันอังคาร (29) ชิลีกลายเป็นประเทศแรกในละตินอเมริกาที่พบไวรัสกลายพันธุ์ โดยผู้ติดเชื้อเป็นผู้หญิงที่เพิ่งเดินทางไปมาดริด อังกฤษ และดูไบ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประกาศให้ผู้เดินทางจากต่างประเทศทุกคนต้องกักตัวนาน 10 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม
สำหรับเอเชีย เมื่อวันพุธสิงคโปร์เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคให้บุคลากรทางการแพทย์กว่า 30 คนในศูนย์สำหรับโรคติดเชื้อแห่งชาติ ถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่เริ่มโครงการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 หลังจากก่อนหน้านี้ นครรัฐแห่งนี้กลายเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ที่อนุมัติให้ใช้วัคซีนตัวนี้ได้
บุคลากรเหล่านี้จะได้รับการฉีดวัคซีนอีกครั้งเป็นโดสที่ 2 ในวันที่ 20 มกราคม
นอกจากนั้น รัฐบาลสิงคโปร์ยังทำข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนล่วงหน้า รวมถึงจ่ายเงินงวดแรกสำหรับวัคซีนของอีกหลายบริษัท ในจำนวนนี้รวมถึงของโมเดอร์นาและของซิโนแว็ค
กัน คิม ยอง รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์ คาดว่า จะมีวัคซีนเพียงพอฉีดให้ประชาชนทั้งหมด 5.7 ล้านคนภายในไตรมาส 3 ปี 2021 และเสร็จสิ้นการฉีดวัคซีนภายในสิ้นปีเดียวกัน โดยรัฐบาลนครรัฐแห่งนี้ระบุว่า โครงการนี้ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายและขึ้นอยู่กับความสมัครใจของประชาชน
ส่วนที่เกาหลีใต้ สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคดีซีเอ) แถลงจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืนวันอังคารอยู่ที่ 1,050 คน และขณะนี้กำลังมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการระบาดแบบกลุ่มก้อนในเรือนจำทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงโซล ซึ่งล่าสุดมีนักโทษและเจ้าหน้าที่ติดเชื้อรวม 792 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 1 คนในสัปดาห์นี้
ขณะนี้โควิด-19 ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกกว่า 1.78 ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่ในอเมริกาเกือบ 338,000 คน