ตำรวจฮ่องกงจับกุมนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยกว่า 50 คน โดยอ้างว่ามีพฤติการณ์ต้องสงสัยละเมิดกฎหมายความมั่นคง ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการกวาดจับครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่จีนเริ่มนำกฎหมายนี้มาบังคับใช้ในฮ่องกงเมื่อกลางปีที่แล้ว
การจับกุมซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเช้าตรู่วันนี้ (6 ม.ค.) เกี่ยวเนื่องกับการที่กลุ่มโปรประชาธิปไตยได้จัดเลือกตั้งแบบไพรแมรีเพื่อเฟ้นหาผู้แทนลงสมัครรับเลือกตั้งสภานิติบัญญัติฮ่องกง เมื่อเดือน ก.ค. ปี 2020
ตำรวจยังได้เข้าตรวจค้นสำนักงานของสถาบันจัดทำโพลและบริษัทด้านกฎหมายแห่งหนึ่ง รวมถึงบุกเข้าไปยังสำนักงานของสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์จีนอย่าง Apple Daily, Stand News และ Immediahk
พรรคประชาธิปไตยฮ่องกง (Democratic Party) รวมถึงบัญชีโซเชียลมีเดียของนักเคลื่อนไหวอีกหลายสิบคนยืนยันข่าวการจับกุมครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะกระพือความกังวลในโลกตะวันตกว่าฮ่องกงอาจกำลังหันเหเข้าสู่แนวทางเผด็จการ
การกวาดล้างนักเคลื่อนไหวโปรประชาธิปไตยยังมีส่วนทำให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ตึงเครียดหนักขึ้น ในขณะที่ โจ ไบเดน กำลังเตรียมตัวเข้ารับตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาวคนใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
แอนโทนี บลิงเคน ซึ่งถูกวางตัวเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนใหม่ ทวีตข้อความตำหนิการกระทำของจีนว่าเป็นการ “โจมตีบรรดาผู้ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างกล้าหาญ”
“รัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส จะขอยืนหยัดเคียงข้างพลเมืองฮ่องกงและจะต่อต้านการปราบปรามขบวนการประชาธิปไตยโดยปักกิ่ง” เขากล่าว
บุคคลกว่า 50 คนที่ถูกจับวันนี้ (6) มีทั้งอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติ, นักเคลื่อนไหว และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดเลือกตั้งไพรแมรีเมื่อปี 2020 ในจำนวนนี้ยังรวมถึง James To, Lam Chuek-ting, Benny Tai และ Lester Shum ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า จอห์น แคลนซีย์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเอเชีย (Asian Human Rights Commission) ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน และเป็นสมาชิกองค์กรสนับสนุนประชาธิปไตยฮ่องกง ก็ถูกจับระหว่างที่ตำรวจบุกเข้าไปยังสำนักงานบริษัทกฎหมาย Ho, Tse, Wai & Partners
จอห์น ลี รัฐมนตรีรับผิดชอบด้านความมั่นคงของฮ่องกง แถลงว่า กลุ่มที่จัดเลือกตั้งไพรมารีได้วางแผนการมุ่งก่อ “ความเสียหายอย่างร้ายแรง” ให้แก่สังคม และทางเจ้าหน้าที่จะไม่ยินยอมให้มีการกระทำมุ่งบ่อนทำลายใดๆ
“การปฏิบัติการในวันนี้มีเป้าหมายอยู่ที่พวกเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้น ซึ่งต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในการโค่นล้มหรือการก้าวก่ายแทรกแซงอย่างร้ายแรง เพื่อทำลายการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของรัฐบาลฮ่องกง” ลีแถลงกับพวกผู้สื่อข่าว
ทางตำรวจระบุว่า การรณรงค์ของฝ่ายค้านเพื่อให้ชนะได้ครองเสียงข้างมากในสภานิติบัญญัติซึ่งมี 70 ที่นั่งของฮ่องกงนั้น มีจุดประสงค์เพื่อมุ่งสกัดกั้นข้อเสนอต่างๆ ของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มการกดดันฝ่ายค้าน เรื่องนี้ถือเป็นพฤติการณ์บ่อนทำลาย
ผู้ออกเสียงของฮ่องกงไม่ได้เป็นคนเลือกผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษนี้โดยตรง รวมทั้งได้เลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแค่ครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งที่เหลือส่วนใหญ่ตกเป็นของบุคคลที่โปรปักกิ่ง
“คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต้องสงสัยว่ากำลังใช้สิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่าแผน “35+” ... เพื่อเป็นหนทางทำให้รัฐบาลฮ่องกงกลายเป็นอัมพาต” ลี กล่าว
ขณะที่ตำรวจหยิบยกระเบียบข้อบังคับที่ระบุว่า ถ้าสภานิติบัญญัติไม่ผ่านร่างงบประมาณประจำปี 2 ครั้ง ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงก็จะต้องออกจากตำแหน่ง พร้อมกับบอกว่ากฎหมายความมั่นคงแห่งชาตินั้นมีข้อห้ามไม่ให้รบกวนหรือแทรกแซงก้าวก่ายการบริหารเขตปกครองพิเศษแห่งนี้
เดิมทีการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติมีกำหนดจัดขึ้นในเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว ทว่านาง แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ได้ใช้อำนาจฉุกเฉินสำหรับจัดการวิกฤตโควิด-19 สั่งเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 1 ปี
เมื่อมีการจับกุมขนานใหญ่เช่นนี้ จึงทำให้เกิดคำถามว่าฝ่ายค้านจะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้งในอนาคต
มายา หวัง (Maya Wang) นักวิจัยด้านจีนของฮิวแมนไรต์วอตช์ ระบุว่า การจับกุมนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านในวันนี้ (6) สะท้อนให้เห็นว่าจีน “จงใจขุดรากถอนโคนแกนนำประชาธิปไตยที่ยังเหลืออยู่ในฮ่องกงให้สิ้นซาก”
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ตำรวจยังบุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของ Hong Kong Public Opinion Research Institute (HKPORI) ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการจัดเลือกตั้งไพรแมรีเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทางคณะผู้จัดยืนยันว่าได้ทำลายข้อมูลส่วนตัวของพลเมืองกว่า 600,000 คนที่ร่วมโหวตทันทีที่การนับคะแนนเสร็จสิ้นลง
ที่มา: รอยเตอร์