สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติ 275 ต่อ 135 เสียงอนุมัติตามข้อเสนอของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้เพิ่มวงเงินในเช็คเงินสดเยียวยาโควิด-19 จากขั้นต่ำ 600 ดอลลาร์เป็น 2,000 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ (28 ธ.ค.) แต่ยังไม่แน่ว่าข้อเสนอนี้จะผ่านด่าน ส.ว.รีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้หรือไม่
สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ขู่ว่าจะไม่ยอมลงนามร่างกฎหมายงบประมาณและแพ็กเกจเยียวยาโควิด-19 มูลค่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ หากสภาคองเกรสไม่เพิ่มวงเงินในเช็คที่สั่งจ่ายตรงให้ชาวอเมริกันจากขั้นต่ำ 600 ดอลลาร์เป็น 2,000 ดอลลาร์ และตัดลดงบประมาณด้านอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นลง
อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ได้ยอมเป็นฝ่ายล่าถอยและลงนามร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (27) ซึ่งช่วยให้สหรัฐฯ รอดพ้นภาวะ “ชัตดาวน์” บางส่วนไปได้อย่างหวุดหวิดในสัปดาห์นี้
ข้อเสนอเพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของ ทรัมป์ ได้รับเสียงสนับสนุนเกิน 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎรมาแบบฉิวเฉียด โดยมี ส.ส.รีพับลิกัน 130 คน, ส.ส.อิสระ 2 คน และ ส.ส.เดโมแครตอีก 2 คนที่โหวตคัดค้าน
ข้อเสนอดังกล่าวได้ถูกส่งไปต่อยังวุฒิสภา ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะยอมไฟเขียวหรือไม่ เนื่องจากจะทำให้รัฐต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกถึง 464,000 ล้านดอลลาร์ ตามการประเมินของคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการเก็บภาษี (Joint Committee on Taxation)
ส.ว.เบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกอิสระซึ่งเห็นด้วยกับข้อเสนอเพิ่มเงินจ่ายตรงแก่ชาวอเมริกัน ขู่จะขัดขวางไม่ให้วุฒิสภาพักการประชุมในช่วงวันหยุดปีใหม่ จนกว่า มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำ ส.ว.รีพับลิกันเสียงข้างมาก จะยินยอมให้มีการโหวตเรื่องเช็ค 2,000 ดอลลาร์เสียก่อน
ในขณะที่สภาล่างโหวตหนุนข้อเสนอเพิ่มวงเงินเยียวยาโควิด แต่หลังจากนั้นไม่นานกลับพร้อมใจกันลงมติเพิกถอนอำนาจวีโตของ ทรัมป์ ต่อร่างกฎหมายนโยบายกลาโหมมูลค่า 740,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากว่าวุฒิสภายืนกรานตามมติของสภาผู้แทนราษฎร ร่างกฎหมายดังกล่าวก็จะมีผลบังคับทันที และจะถือเป็นครั้งแรกที่สภาคองเกรสลบล้างการวีโตของ ทรัมป์ ในฐานะประธานาธิบดีได้สำเร็จ
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้คร่าชีวิตประชากรในสหรัฐฯ ไปกว่า 330,000 คน และนำมาซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายล้านครอบครัวต้องพึ่งพาสวัสดิการเยียวยาจากภาครัฐ
ที่มา: รอยเตอร์