รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ออกมาปฏิเสธข้อครหาของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่อ้างว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุยิงจรวดโจมตีสถานทูตอเมริกันในกรุงแบกแดด
“การส่งพลเมืองของคุณไปเสี่ยงภัยในต่างแดน ไม่ได้ช่วยเบนความสนใจจากผลงานในประเทศที่ล้มเหลวเข้าขั้นหายนะ” โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ทวีตข้อความวันนี้ (24 ธ.ค.)
ทรัมป์ ทวีตโดยไม่แสดงหลักฐานเมื่อวันพุธ (23) ว่า จรวดหลายลูกซึ่งถูกยิงไปตกในเขตกรีนโซนของเมืองหลวงอิรัก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20) มีเป้าหมายอยู่ที่สถานทูตสหรัฐฯ และเป็นฝีมือของอิหร่าน
“สถานทูตของเราในกรุงแบกแดดตกเป็นเป้าโจมตีของจรวดหลายลูกเมื่อวันอาทิตย์ ทายซิว่ามันมาจากไหน... อิหร่าน” ทรัมป์ กล่าว
“ตอนนี้เราได้ข่าวกระเส็นกระสายมาว่า พวกเขากำลังวางแผนโจมตีชาวอเมริกันในอิรัก ขอฝากเตือนด้วยความหวังดี...ถ้ามีชาวอเมริกันล้มตายแม้แต่คนเดียว ผมจะให้อิหร่านรับผิดชอบ คิดดีๆ ก็แล้วกัน”
Our embassy in Baghdad got hit Sunday by several rockets. Three rockets failed to launch. Guess where they were from: IRAN. Now we hear chatter of additional attacks against Americans in Iraq... pic.twitter.com/0OCL6IFp5M— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) December 23, 2020
กองทัพอิรักกล่าวโทษเหตุโจมตีซึ่งสร้างความเสียหายไม่มากนักว่าเป็นฝีมือของ “พวกนอกกฎหมาย” ขณะที่กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (US Central Command) ระบุว่า เป็นการกระทำของ “กลุ่มติดอาวุธที่มีอิหร่านหนุนหลัง”
“แม้จรวด 21 ลูกที่ยิงมาจะไม่ทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ก็ทำให้อาคารต่างๆ ในสถานทูตได้รับความเสียหาย และแน่นอนว่าผู้กระทำไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตาย”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระดับสูงของสหรัฐฯ เห็นพ้องกันวานนี้ (23) ที่จะเสนอทางเลือกต่างๆ ให้แก่ ทรัมป์ เพื่อป้องปรามเหตุโจมตีทหารและบุคลากรการทูตของอเมริกาในอิรัก แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าทางเลือกเหล่านี้จะรวมถึงปฏิบัติการทางทหารด้วยหรือไม่
ที่มา: รอยเตอร์