ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ พุ่งเกิน 3,000 คน เป็นครั้งแรก กระตุ้นเสียงอ้อนวอนอเมริกันชนให้ลดระดับแผนจัดงานคริสต์มาส แม้วัคซีนใกล้ได้รับความเห็นชอบจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบแล้วก็ตาม
จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายวัน แตะระดับ 3,253 คนในวันพุธ (9 ธ.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมในสหรัฐฯ นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น อยู่ที่ 289,740 คน และเวลานี้มีคนไข้โควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 106,219 คน เสี่ยงล้นระบบสาธารณสุขในหลายรัฐ
พวกผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุน ซึ่งต่างหมดเรี่ยวหมดแรงในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่ ต้องเห็นคนไข้ตายอย่างโดดเดี่ยวคนแล้วคนเล่า ในขณะที่ชาวอเมริกาหลายล้านคนยังคงไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์ ด้านการสวมหน้ากาก หลีกเลี่ยงฝูงชนและห้ามรวมตัวกันแม้กระทั่งกลุ่มเล็กๆ ในความพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
ตัวเลขผู้เสียชีวิตวันเดียวดังกล่าว ถือมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมก่อการร้ายโจมตี 11 กันยายน 2001 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมันโหมกระพือเสียงเรียกร้องถึงอเมริกันชนให้เพิ่มความพยายามเป็นเท่าตัว
“ไม่มีปาร์ตีคริสต์มาส ตอนนี้ไม่มีปาร์ตีคริสต์มาสไหนๆ ที่ปลอดภัยในประเทศแห่งนี้” นายแพทย์ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม สมาชิกคณะที่ปรึกษาด้านโควิด-19 ของว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน บอกกับซีเอ็นเอ็นในวันพฤหัสบดี (10 ธ.ค.) “มันจะไม่จบหลังจากนั้น วงรอบในตอนนี้ ก็คือ จำนวนผู้ติดเชื้อ มีแต่เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐต่างๆ มากกว่าครึ่งทั่วสหรัฐฯ ได้เริ่มบังคับใช้หรือกลับมาบังคับใช้ข้อจำกัดต่างๆ ในความพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส และในวันพฤหัสบดี (10 ธ.ค.) ราล์ฟ นอร์แธม ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงตี 5 เช่นเดียวกับมาตรการอื่นๆ ที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันจันทร์ (14 ธ.ค.) และบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม
ข้อมูลผู้เสียชีวิตที่น่ากังวล มีขึ้นท่ามกลางแสงแห่งความหวัง วัคซีนโควิด-19 ตัวหนึ่งน่าจะเริ่มไปถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ หน่วยฉุกเฉินและผู้พักอาศัยอยู่ตามบ้านพักคนชรา ในอีกไม่กี่วันข่างหน้า ในสิ่งที่หลายคนเรียกว่า "แสงสว่างปลายอุโมงค์”
ในวันพฤหัสบดี (10 ธ.ค.) คณะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์อิสระชุดหนึ่ง มีกำหนดหารือตัดสินใจว่าจะแนะนำให้สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ในกรณีฉุกเฉินหรือไม่
ความเคลื่อนไหวอนุมัติของสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯน่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดคือในวันศุกร์ (11 ธ.ค.) หรือวันเสาร์ (12 ธ.ค.) จากนั้นก็ตามด้วยการฉีดวัคซีนชุดแรกๆ ในสหรัฐฯในวันอาทิตย์ (13 ธ.ค.) หรือวันจันทร์ (14 ธ.ค.) ตามการเปิดเผยของ มอนเชฟ สลาอุย หัวหน้าที่ปรึกษาโครงการเร่งรัดพัฒนาวัคซีน ที่เรียกว่า Operation Warp Speed ของรัฐบาลประธานาธิบดี ทรัมป์ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์
ส่วนวัคซีนตัวที่ 2 ซึ่งพัฒนาโดย โมเดอร์นา อิงค์ จะได้รับการพิจารณาจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์อิสระในสัปดาห์หน้า
ไบเดน ซึ่งจะสืบทอดอำนาจต่อจากประธานาธิบดีต่อจาก ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม วางเป้าหมายฉีดวัคซีนประชาชนให้ได้ 100 ล้านคน ในช่วง 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่ง
โรคระบาดใหญ่ยังทำให้ประชาชนชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องตกงาน หลังจากเจ้าหน้าที่ทั้งระดับรัฐและท้องถิ่น กำหนดข้อจำกัดต่างๆ ทางสังคมและเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แต่ขณะเดียวกัน สภาคองเกรส ยังคงไม่สามารถหาทางออกในทางตันที่ยืดเยื้อมานานนับเดือน เกี่ยวกับแพกเกจเยียวยาทางเศรษฐกิจ บรรเทาผลกระทบจากโควิด-19
(ที่มา: รอยเตอร์)