ปธน.อิหร่านกล่าวหา ‘อิสราเอล’ บงการปลิดชีพนักวิทย์นิวเคลียร์คนสำคัญ

ประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี แห่งอิหร่านออกมากล่าวหารัฐบาลอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์คนสำคัญของเตหะราน พร้อมขู่จะแก้แค้นในเวลาที่เหมาะสม

นักวิเคราะห์มองว่า การตายของ มอห์เซน ฟาครีซาเดห์ (Mohsen Fakhrizadeh) ซึ่งตะวันตกเชื่อว่าเป็นสถาปนิกใหญ่ในโครงการนิวเคลียร์ลับทางทหารของอิหร่าน อาจจุดชนวนการเผชิญหน้าระหว่างอิหร่านกับบรรดาชาติศัตรู ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ก่อนที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะพ้นเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ และเพิ่มความยุ่งยากซับซ้อนให้แก่ความพยายามใดๆ ก็ตามของว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่จะลดความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ลง

“ประชาชนของเราฉลาดพอที่จะไม่ตกหลุมพรางของระบบไซออนิสต์ (อิสราเอล) อิหร่านจะแก้แค้นให้กับนักวิทยาศาสตร์ผู้สละชีพในห้วงเวลาที่เหมาะสม” รูฮานี กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

“นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มืออันชั่วร้ายแห่งความก้าวร้าวระดับโลก (Global Arrogance) และพวกทหารรับจ้างไซออนิสต์เปื้อนเลือดลูกหลานชาวอิหร่าน”

ผู้นำอิหร่านย้ำด้วยว่า การจากไปของ ฟาครีซาเดห์ จะไม่ทำให้ภารกิจด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านต้องล่าช้าหรือหยุดชะงักลงไป

ล่าสุด ทางการอิสราเอลยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเหตุลอบสังหารครั้งนี้ ส่วนทำเนียบขาว, กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ, สำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) หรือแม้แต่ทีมงานของไบเดน ก็ล้วนแต่ยังนิ่งเฉยอยู่

ในช่วงปี 2010-2012 มีนักวิทยาศาสตร์อิหร่านถูกปลิดชีพถึง 4 ราย โดยเตหะรานชี้ว่าทั้งหมดเป็นแผนลอบสังหารที่มุ่งสกัดขัดขวางโครงการนิวเคลียร์อิหร่านซึ่งมีวัตถุประสงค์ในด้านพลเรือน

ทั้งนี้ อิหร่านยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ได้มุ่งหวังที่จะพัฒนาหรือครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

สำนักข่าวตัสนีมซึ่งเป็นสื่อกึ่งทางการของอิหร่านรายงานว่า คนร้ายได้กดระเบิดคาร์บอมบ์ใกล้ๆ รถยนต์ของ ฟาครีซาเดห์ เมื่อเวลา 14.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นมือสังหารคนหนึ่งก็สาดกระสุนเข้าใส่รถของเขา

เจ้าหน้าที่คุ้มกัน ฟาครีซาเดห์ คนหนึ่งถูกยิงถึง 4 นัด ส่วนตัวนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญถูกส่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลในเมืองอับซาร์ด (Absard) ซึ่งอยู่ห่างจากเตหะรานไปทางตะวันออกประมาณ 70 กิโลเมตร ก่อนที่จะเสียชีวิตลง

หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านว่า เขาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดในขณะที่ทีมบอดี้การ์ดของ ฟาครีซาเดห์ ปะทะกับมือสังหาร

ที่มา: รอยเตอร์