มีความเป็นไปได้ที่ “แอสตราเซเนกา” ต้องทำการวิจัยทั่วโลกเพิ่มเติม เพื่อประเมินประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ของพวกเขา ในกรณีที่ใช้ในประมาณต่ำ ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (26 พ.ย.) ท่ามกลางคำถามต่อผลการทดลองขั้นสุดท้าย
รายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก อ้างคำกล่าวของปาสคาล โซเรียต ซีอีโอของแอสตราเซเนกา ว่าทางบริษัทฯ อาจเลือกดำเนินการศึกษาวิจัยใหม่เลยเพื่อประเมินการใช้วัคซีนของพวกเขาในปริมาณต่ำซึ่งผลออกมาดีกว่าการใช้วัคซีนหมดทั้งโดส โดยไม่เลือกที่จะเพิ่มเติมการทดลองในเข้าไปในกระบวนการศึกษาวิจัยในสหรัฐฯ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้
“เวลานี้เราพบสิ่งที่ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพจะดีกว่า เราจำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้อง ดังนั้นเราจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม” โซเรียตกล่าว พร้อมระบุว่าอาจจะต้องมีการ “ศึกษาระดับนานาชาติ” อีกหนึ่งการวิจัย แต่ครั้งนี้น่าจะเร็วกว่าเดิม “เพราะเรารู้แล้วว่ามันมีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นเราจึงต้องการคนไข้จำนวนน้อยลง”
ข่าวคราวนี้มีขึ้นในขณะที่ แอสตราเซเนกา กำลังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับอัตราความสำเร็จของพวกเขาที่พวกผู้เชี่ยวชาญบางส่วนบอกว่ามันอาจฉุดรั้งโอกาสที่วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแห่งนี้จะได้รับอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบจากสหัฐฯ และอียูอย่างรวดเร็ว
พวกนักวิทยาศาสตร์หลายคนมีความสงสัยเกี่ยวกับความคงทนของวัคซีน หลังผลการทดลองที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (23 พ.ย.) เผยให้เห็นว่าวัคซีนทดลองมีประสิทธิภาพ 90% ในกลุ่มย่อยของอาสาสมัคร ซึ่งแรกเริ่มเกิดความผิดพลาดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ได้รับวัคซีนเพียงครึ่งโดส ก่อนต่อมาจะได้รับวัคซีนแบบเต็มโดส 1 หลอด
อย่างไรก็ตาม โซเรียตคาดหมายว่าการทดลองเพิ่มเติมจะไม่ทำให้การอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรปนั้นล่าช้า
แอสตราเซเนกา บอกกับรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (26 พ.ย.) ประเด็นการฉีดวัคซีนครึ่งโดสนั้น ผ่านการตรวจสอบทบทวนและเห็นชอบแล้วจากคณะผู้เฝ้าระวังด้านความปลอดภัยทางข้อมูลที่เป็นอิสระ รวมถึงคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหราชอาณาจักร และทางคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบยืนยันว่า “ไม่มีความกังวลใดๆ”
โซเรียต ยอมรับว่า ในส่วนของการได้รับอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) นั้น อาจใช้เวลานานกว่าที่คิด เพราะดูเหมือนว่าหน่วยงานแห่งนี้จะไม่เห็นชอบวัคซีนใดๆ ที่ศึกษาวิจัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนเหล่านั้นเกิดข้อสงสัยในผลการศึกษาวิจัย
กระนั้นเขายังคงคาดหมายว่าเจ้าหน้าที่ในบางประเทศจะให้การอนุมัติวัคซีนของแอสตราเซเนกาก่อนสิ้นปี
การเปิดวิจัยเพิ่มเติมอาจไม่ก่อความยุ่งยากซับซ้อนมากนักแก่ผู้ผลิตยาสัญชาติอังกฤษแห่งนี้ในความพยายามเร่งรัดพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกเกิน 1 ล้านคนแล้ว และก่อความเสียหายรุนแรงแก่เศรษฐกิจ
เฮเลน เฟลตเชอร์ ศาสตราจารย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยา ในลอนดอน กล่าวว่า การทดลองอีกครั้งไม่จำเป็นที่ต้องก่อความล่าช้าในการอนุมัติ เนื่องจากประสิทธิภาพของการใช้ยาเต็มโดสยังคงเป็นไปตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก และมันไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ ที่จะมีการศึกษาวิจัยใหม่สำหรับวัคซีนที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว
“มีความเป็นไปได้ว่า แอสตราเซเนกา และมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด จะได้รับใบอนุญาตสำหรับวัคซีนแบบเต็มโดส แล้วจากนั้นก็หาทางอย่างรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ในปริมาณต่ำ เพื่อมีข้อมูลออกมาเพียงพอ” เธอกล่าว
วัคซีนของแอสตราเซเนกา เป็นหนึ่งในวัคซีน 3 ตัวที่อาจได้รับอนุมัติก่อนสิ้นปี หลังจากก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ต่างรายงานว่าวัคซีนของพวกเขามีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสได้ถึง 95%
ถึงกระนั้น วัคซีนของแอสตราเซเนกาที่ร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด มีราคาถูกกว่าในการผลิต และสะดวกง่ายดายกว่าในการเก็บรักษาและในการแจกจ่าย รวมทั้งสามารถผลิตออกมาครั้งละมากๆ ได้รวดเร็วกว่า เมื่อเทียบกับพวกผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งรายสำคัญๆ
(ที่มา : รอยเตอร์)