รอยเตอร์/เอเอฟพี – บริษัทยายักษ์ใหญ่แอสตราเซเนกาเปิดแถลงข่าววันจันทร์(23 พ.ย)ว่าวัคซีนรักษาโควิด-19ของบริษัทที่ร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของอังกฤษสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19ได้ถึง 90% กลายเป็นความหวังอันดับ 3 นอกเหนือจากไฟเซอร์และโมเดอร์นาที่ประกาศตัวก่อนหน้า
รอยเตอร์รายงานวันนี้(23 พ.ย)ว่า ซีอีโอบริษัทแอสตาเซเนกา (AstraZeneca) ปาสคาล โซเรียต ( Pascal Soriot) กล่าวผ่านแถลงการณ์ในวันจันทร์(23)ว่า
“ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนที่ได้รับการยืนยันว่ามีความสามารถระดับสูงในการป้องกันโรคโควิด-19 และยังมีผลกระทบในทันทีต่อภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขครั้งนี้”
ซึ่งการวิเคราะห์จากข้อมูลการทดลองเฟส 3 ของการพัฒนาวัคซีนโดยมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดแสดงให้เห็นว่าสามารถมีประสิทธิภาพถึง 90% เมื่อมีการใช้ครึ่งโดสตามหลังการใช้ 1 โดสเต็ม
และในอีกการทดสอบเมื่อมีการให้ 2 โดสเต็ม พบว่าวัคซีนแสดงประสิทธิภาพ 62% นักวิจัยกล่าวและชี้ว่า ส่งผลทำให้ผลรวมประสิทธิภาพวัคซีนเฉลี่ยอยู่ที่ราว 70%
นักวิจัยยืนยันต่อว่า ในกลุ่มอาสาสมัครที่เข้ารับการทดลองไม่พบว่ามีใครต้องเข้ารับการรักษาหรือมีอาการร้ายแรง อย่างไรก็ตามมีการบ่งชี้ว่า จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์เพิ่มมากขึ้นเพื่อประเมินถึงระยะเวลาของวัคซีนที่จะป้องกันไวรัสโควิด-19ได้นานมากน้อยเท่าใด
รอยเตอร์รายงานว่า ทางบริษัทเตรียมส่งข้อมูลแสดงประสิทธิภาพของวัคซีนให้บรรดาผู้กำกับทั่วโลกตรวจสอบ รวมถึงอังกฤษ ยุโรป และบราซิล
อ้างอิงจากเอเอฟพี สหภาพยุโรปกล่าวว่า สามารถอนุมัติให้ใช้วัคซีนเพื่อรักษาโควิด-19ได้ภายในสิ้นปีนี้ หลังจากก่อนหน้าที่สหรัฐฯออกมาประกาศจะเริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดภายในเดือนหน้า
ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน แสดงความยินดีต่อข่าวความสำเร็จของวัคซีนแอสตราเซเนกา แต่ยังเตือนว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยมากขึ้นก่อนที่จะแจกจ่ายออกไปเป็นวงกว้าง
“เป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นมากที่วัคซีนออกซฟอร์ดได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพระดับสูงในขั้นทดลอง” จอห์นสันกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ และเสริมต่อว่า “แต่ยังคงต้องมีการตรวจสอบทางความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น แต่นี่เป็นผลลัพท์ที่น่าตื่นเต้น”
นักวิจัยกล่าวว่า มีการตรวจพบเคสโควิด-19 จำนวน 131 เคสในจำนวนอาสาสมัครกว่า 24,000 คนที่มีการแตกต่างด้านเชื้อชาติและทางที่ตั้งภูมิศาสตร์ในการทดลองทางคลินิกวิทยาในอังกฤษ บราซิล และแอฟริกาใต้ และจะมีการทดสอบเพิ่มเติมเกิดขึ้นในสหรัฐฯ รัสเซีย เคนยา ญี่ปุ่น และอินเดีย
บริษัทแถลงว่าทางแอสตราเซเนกาสามารถผลิตราว 200 ล้านโดสได้ภายในสิ้นปี 2020 โดย 700 ล้านโดสจะพร้อมทั่วโลกภายในสิ้นไตรมาสแรกของปี 2021
นอกจากที่จะได้ส่งข้อมูลวิจัยแสดงผลประสิทธิภาพไปให้ทั่วโลกทำการตรวจสอบแล้ว ทางบริษัทมีแผนจะขอองค์การอนามัยโลก WHO ให้อนุญาตสามารถใช้วัคซีนเป็นการฉุกเฉินเพื่อทำให้ประเทศยากจนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย