จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลก พุ่งเกิน 60 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามการนับของสำนักข่าวเอเอฟพี จนถึงเวลา 18.30 จีเอ็มที ของวันพุธ (25 พ.ย.) ตรงกับเมืองไทย 01.30 น.วันพฤหัสบดี (26 พ.ย.) โดยยุโรปเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อ
เอเอฟพีรายงานว่า เวลานี้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 60,014,291 คน ในนั้นเสียชีวิต 1,415,258 คน นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่อุบัติขึ้นในจีนช่วงปลายปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยอดรวมที่ทางเอเอฟพีรวบรวมจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ในแต่ละชาติ และข่าวสารจากองค์การอนามัยโลก อาจเป็นแค่เพียงเศษส่วนหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริง เนื่องจากหลายประเทศไม่มีศักยภาพในด้านการตรวจเชื้อ หรือตรวจเชื้อเฉพาะเคสแสดงอาการหรือมีอาการรุนแรงเท่านั้น
ยุโรปซึ่งรวมถึงรัสเซีย ยืนยันพบผู้ติดเชื้อแล้ว 17.1 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 388,000 ราย ส่งผลให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นภูมิภาคที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1.7 ล้านคนใน 52 ชาติของยุโรป ลดลงจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้นถึง 10% ส่งสัญญาณว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่กำลังชะลอตัว
ในส่วนของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับระลอกที่ 3 ของการแพร่ระบาด โดยประเทศแห่งนี้ยืนยันพบผู้ติดเชื้อขยับเข้าวใกล้ 13 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 260,000 คน หรือราวๆ กว่า 1 ใน 5 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วโลก
ผิดกับทางยุโรป จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นกว่า 11% ในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว หรือพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มเป็น 1.2 ล้านคน จากเดิมที่พบ 1.1 ล้านคนหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ถัดจากยุโรป ภูมิภาคที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกลำดับรองๆ ลงไป ได้แก่ สหรัฐฯ และแคนาดา (ติดเชื้อ 13 ล้านคน เสียชีวิต 272,183 ราย), ละตินอเมริกา และแคริบเบียน (ติดเชื้อ 12.6 ล้านคน เสียชีวิต 438,098 ราย) และเอเชีย (ติดเชื้อ 12.1 ล้านคน เสียชีวิต 190,108 ราย)
ตามมาด้วยตะวันออกกลาง (ติดเชื้อ 3.2 ล้านคน เสียชีวิต 75,700 ราย), แอฟริกา ติดเชื้อ 2.1 ล้านคน เสียชีวิต 50,422 ราย) และโอเชียเนีย (ติดเชื้อกว่า 30,000 คน เสียชีวิต 941 ราย)
(ที่มา : เอเอฟพี)
