ละตินอเมริกาเริ่มกลับสู่สังคมและวิถีชีวิตตามปกติ ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงเวลาที่โรคระบาดใหญ่โควิด-19 ยังจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงควบคุมขนานใหญ่ ตามคำเตือนของ คาริสซา เอสเตียน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำภูมิภาคระบุในวันพุธ (16 ก.ย.)
เอสเตียนกล่าวระหว่างประชุมทางไกลกับบรรดาผู้อำนวยการองค์การอนามัยทวีปอเมริกาคนอื่นๆ จากวอชิงตัน ว่า เคสผู้ติดเชื้อตามแนวชายแดนโคลอมเบียติดกับเวเนซุเอลา เพิ่มขึ้น 10 เท่าในช่วง 2 สัปดาห์หลังสุด อัตราการเสียชีวิตพุ่งขึ้นในพื้นที่ของเม็กซิโก และพบเห็นแนวโน้มแบบเดียวกัน ทั้งในเอวาดอร์ คอสตาริกา และ โบลีเวีย เช่นเดียวกับหลายพื้นที่ของอาร์เจนตินา
“แม้ทั่วโลกกำลังเร่งมือพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ในการป้องกันและรักษาโควิด-19 แต่การผลิตและส่งมอบวัคซีนที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในปริมาณมาก ยังไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้” เอสเตียนกล่าว “เราต้องพูดอย่างชัดเจนว่า การเปิดเศรษฐกิจเร็วเกินไป จะมอบโอกาสแพร่กระจายเชื้อแก่ไวัส และทำพลเมืองของเราตกอยู่ในความเสี่ยงใหญ่หลวง ไม่ต้องมองไปอื่นไกลเลย ลองดูยุโรปซิ” เธอกล่าว
เอสเตียนบอกว่า รัฐบาลชาติต่างๆ จำเป็นต้องคัดกรองตรวจตราการเดินทางด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะว่าการเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว อาจทำให้ความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ก้าวถอยหลัง ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในแถบแคริบเบียน โดยหลายประเทศที่ไม่พบผู้ติดเชื้อแล้ว แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับพุ่งทะยานขึ้นมาอีก หลังกลับสู่กิจกรรมการท่องเที่ยว
จากการนับของสำนักข่าวรอยเตอร์ ละตินอเมริกาพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้วราวๆ 8.4 ล้านคน ในนั้นเสียชีวิตกว่า 314,000 ราย สูงกว่าภูมิภาคไหนๆ ในโลกทั้ง 2 กรณี
(ที่มา:รอยเตอร์)