รัสเซียเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (24 พ.ย.) ว่า เรือรบลำหนึ่งของพวกเขาไล่ล่า และขู่พุ่งชนเรือพิฆาตของสหรัฐฯ ที่ปฏิบัติการอย่างผิดกฎหมายในน่านน้ำของพวกเขา ในทะเลญี่ปุ่น แต่ทางกองทัพเรืออเมริกาตอบโต้ว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และกล่าวหามอสโก กล่าวอ้างอาณาเขตทางทะเลเกินจริง
แอดมิรัล วิโนกราดอฟ เรือพิฆาตของรัสเซีย ส่งเสียงเตือนทางวาจาถึง ยูเอสเอส จอห์น เอส.แม็คเคน เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำร่องแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ พร้อมกับขู่พุ่งชน เพื่อบีบให้เรือยูเอสเอส จอห์น เอส.แม็คเคน ออกนอกพื้นที่ กระตุ้นให้เรือของสหรัฐฯ กลับสู่น่านน้ำสากลในทันที ตามการเปิดเผยของทางฝั่งรัสเซีย
รัสเซียเปิดเผยต่อว่าเรือรบประจำกองเรือแปซิฟิกของพวกเขา ตรวจพบเรือพิฆาตสหรัฐฯ ในอ่าว Peter the Great Gulf และเรือพิฆาตของอเมริกาละเมิดน่านน้ำของรัสเซีย ตอนเวลา 03.17 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 10.17 น.) โดยล่วงล้ำเลยเขตแดนทางทะเลเข้ามาราวๆ 2 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือสหรัฐฯ ตอบโต้ว่า เรือรบของพวกเขาอยู่ในน่านน้ำสากลตลอดเวลาที่เรือลำดังกล่าวปฏฺิบัติการล่องเรือ เพื่อแสดงออกถึง “เสรีภาพในการเดินเรือ” และระบุว่า รัสเซียนั้นกล่าวอ้างอาณาเขตทางทะเลเกินจริง
“สหรัฐฯจะไม่มีวันก้มหัวให้กับการข่มขู่ใดๆ หรือยอมถูกบังคับให้ยอมรับคำกล่าวอ้างทางทะเลที่ผิดกฎหมาย อย่างเช่นคำกล่าวอ้างของสหพันธรัฐรัสเซีย” เรือเอกโจ ไคลีย์ โฆษกกองเรือที่ 7 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าว “ถ้อยแถลงของสหพันธรัฐรัสเซีย เกี่ยวกับภารกิจนี้ไม่ถูกต้อง เรือยูเอสเอส จอห์น เอส.แม็คเคน ไม่ได้ถูกขับไล่ออกจากอาณาเขตของประเทศไหนๆ”
รัสเซียบอกว่า เรือพิฆาตของสหรัฐฯไม่ได้พยายามกลับเข้าสู่น่านน้ำของรัสเซียอีกหลังออกนอกพื้นที่แล้ว และเรือพิฆาต แอดมิรัล วิโนกราดอฟ จะคอยจับตาความเคลื่อนไหวของเรือ ยูเอสเอส จอห์น เอส.แม็คเคน อยู่ตลอด พร้อมกับส่งเรืออีกลำ ซึ่งเป็นเรือลาดตระเวนขนาดเล็ก เข้าไปในพื้นที่ด้วย
เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่มันตอกย้ำถึงความสัมพันธ์อันย่ำแย่ทั้งด้านการทูตและการทหารระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น
ข้อตกลงควบคุมอาวุธฉบับสำคัญฉบับสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ระหว่างสองคู่อริสมัยสงครามเย็น มีกำหนดหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ และแม้มีความพยายามหาข้อตกลงใหม่มาทดแทนมานานหลายเดือน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ขณะเดียวกัน วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ก็ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับชัยชนะในศึกเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายน เหนือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
(ที่มา: รอยเตอร์)