สถาบันการแพทย์สหรัฐฯ ในวันอังคาร (17 พ.ย.) เข้ามาแทรกกลางในประเด็นทะเลาะวิวาทถ่ายโอนอำนาจในทำเนียบขาวหลังเลือกตั้ง เรียกร้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แบ่งปันข้อมูลโควิด-19 กับคณะทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มิเช่นนั้นอาจเสี่ยงทำให้ความพยายามจัดการกับโรคระบาดใหญ่ต้องล่าช้าและอ่อนแรงโดยไม่จำเป็น
จดหมายเปิดผนึกขององค์การแพทย์ชั้นนำ 3 แห่งของสหรัฐฯ มีขึ้นในขณะที่คณะทำงานของไบเดน พยายามวางแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือระดับชาติเพื่อจัดการกับโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และเจ้าหน้าที่ทั้งในระดับรัฐและระดับท้องถิ่นหลายแห่ง กำลังดิ้นรนพยายามหาทางสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังทำให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศประสบปัญหาผู้ป่วยล้นเตียงคนไข้
“มีความจำเป็นต้องที่แบ่งปันข้อมูลข่าวสารแบบเรียลไทม์ ทั้งด้านการรักษา, เสบียงชุดตรวจเชื้อ, อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE), เครื่องช่วยหายใจ, ปริมาณเตียงโรงพยาบาล และอัตรากำลังคนที่พร้อมสำหรับแผนประจำการทรัพยากรของประเทศเพิ่มเติม เพื่อปกป้องชีวิตมากมายเหลือคณานับ” จดหมายเปิดผนึกที่ลงนามโดยบรรดาผู้นำของสมาคมการแพทย์อเมริกา, สมาคมพยาบาลแห่งอเมริกา และสมาคมโรงพยาบาลอเมริกา
จดหมายเปิดผนึกนี้ถูกเผยแพร่ออกมา 1 วัน หลังจาก ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เตือนว่าอเมริกันชนอาจต้องสังเวยชีวิตเพิ่ม ถ้าทรัมป์และคณะบริหารยังไม่ยอมร่วมมือกับทีมผ่องถ่ายอำนาจของตนในการจัดการวิกฤตโรคระบาด รวมทั้งยังขัดขวางการเข้าถึงข้อมูลข่าวกรองด้านความมั่นคงของประเทศ ประเด็นทางการเมือง และแผนการแจกจ่ายวัคซีน
ข้อความดังกล่าวถือเป็นคำเตือนแข็งกร้าวที่สุดของ โจ ไบเดน ซึ่งได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และปฏิเสธที่จะร่วมมือกับคณะบริหารชุดใหม่เพื่อผ่องถ่ายอำนาจอย่างราบรื่น
พวกเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเตือนว่าการพบปะกันทางสังคมและรวมตัวกันในร่มในฤดูกาลเดินทางท่องเที่ยว ประกอบกับสภาพอากาศหนาวเริ่มคืบคลานเข้ามาจะเป็นตัวเร่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และส่งให้จำนวนผู้ติดเชื้อและคนไข้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
อัตราผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นในฤดูใบไม้ร่วง เกิดขึ้นแม้กระทั่งตามพื้นที่ชนบททั้งหลายซึ่งเคยรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายของโรคระบาดใหญ่เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยมีอยู่ถึง 41 รัฐ ที่รายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทุบสถิติในเดือนพฤศจิกายน และ 20 รัฐที่ทุบสถิติมีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุด และมีถึง 26 รัฐที่รายงานมีคนไข้โควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด
ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ และแมรีแลนด์ในวันอังคาร (17 พ.ย.) กลายเป็นรัฐล่าสุดที่ประกาศเคอร์ฟิวบังคับใช้กับบาร์และร้านอาหาร เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่แนวโน้มของการมีวัคซีนเพียงพอสำหรับใช้ในวงกว้างนั้น อาจต้องรออีกนานหลายเดือน
สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งผ่าน 11 ล้านคนเมื่อวันอาทิตย์ (15 พ.ย.) เพียงแค่ 8 วันหลังแตะระดับ 10 ล้านคน
จำนวนคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 73,140 คนในวันจันทร์ (16 พ.ย.) จากการนับของรอยเตอร์ พร้อมพบด้วยว่าจำนวนคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลนั้น เพิ่มขึ้นมาถึง 46% ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ในหลายรัฐได้เรียกร้องประชาชนให้ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังในช่วงเทศกาลวันหยุดขอบคุณพระเจ้า รวมถึงงดเดินทางหรือรวมกลุ่มทางสังคมกับครอบครัวขยาย ที่ตามธรรมเนียมแล้วมักจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองในร่มร่วมกัน
ผู้ว่าการรัฐ 7 แห่งในแถบมิดเวสต์ ประกอบด้วย มินนิโซตา, มิชิแกน, อิลลินอยส์, โอไฮโอ, อินดีแอนา, เคนทักกีและวิสคอนซิน เผยแพร่ถ้อยแถลงร่วมกัน เรียกร้องประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ไม่ฉลองวันขอบคุณพระเจ้ากับบุคคลต่างครอบครัว
แถบมิดเวสต์ ยังคงเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดในสหรัฐฯ จากการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดของโควิด-19 โดยภูมิภาคแถบนี้ รายงานพบผู้ติดเชื้อรวมกัน 444,677 คนในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 พฤศจิกายน มากกว่าภูมิภาคนอร์ทอีสต์และเวสเทิร์นรวมกันถึง 36%
