รอยเตอร์ - ผู้ว่าการ 4 รัฐใหญ่ของอเมริกา พร้อมใจยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และเรียกร้องให้ประชาชนสวมหน้ากาก เพื่อรับมือการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เกินการควบคุมแล้วในขณะนี้
ผู้ว่าการทั้งสี่รัฐอ้างอิงข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า วิกฤตโรคระบาดมาถึงจุดที่อันตรายที่สุดในอเมริกา คุกคามศักยภาพของโรงพยาบาล และกำลังจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกนับพันในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า
ผู้นำเหล่านั้นยังยอมรับว่า การยกระดับมาตรการจำกัดทำได้ยากมากในเทศกาลวันหยุดช่วงฤดูหนาว แต่หากไม่พยายามตั้งแต่ตอนนี้ อาจต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นในอนาคตอันใกล้
รอยเตอร์รายงานว่า วันจันทร์ (16 พ.ย.) มีชาวอเมริกันกว่า 70,000 คน เข้ารักษาโควิด-19 ในโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับจากที่ไวรัสโคโรนาเริ่มระบาด และวันเดียวกันนั้น ยังมีรายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในอเมริกาพุ่งทะลุ 11 ล้านคน โดยเคสใหม่ 1 ล้านคนล่าสุดเกิดขึ้นในเวลาแค่ 6 วัน
ไอโอวานั้นพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 52,000 คน ในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด หรือเท่ากับจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดระหว่างเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม และในบรรดาผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งหมดมีผู้ป่วยโควิด-19 ราว 25%
คิม เรย์โนลด์ ผู้ว่าการรัฐไอโอวาจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ไม่มีใครอยากทำแบบนี้ ซึ่งหมายถึงการจำกัดการรวมกลุ่มในกิจกรรมทางสังคม สันทนาการ และชุมชนไม่เกิน 15 คน และ 30 คนสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง งานแต่งงาน และงานศพ นอกจากนั้นร้านอาหารและบาร์ต้องปิดให้บริการในเวลา 22.00 น. และผู้ที่ใช้เวลาในพื้นที่สาธารณะในอาคารซึ่งไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้อย่างน้อย 15 นาทีต้องสวมหน้ากาก
เรย์โนลด์สำทับว่า ความสำเร็จของมาตรการนี้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน และเตือนว่า หากล้มเหลว ธุรกิจจะต้องปิดอีกครั้ง โรงเรียนจำนวนมากขึ้นต้องสอนออนไลน์ ระบบสุขอนามัยอาจล่ม และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ฟิลาเดลเฟีย เมืองที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 6 ของอเมริกา ถือเป็นเมืองที่บังคับใช้มาตรการควบคุมไวรัสแข็งกร้าวที่สุด โดยในวันจันทร์ ทางการสั่งห้ามการรวมกลุ่มในอาคาร ทั้งพื้นที่สาธารณะและส่วนตัว ยกเว้นสมาชิกครอบครัว
โทมัส ฟาร์ลีย์ กรรมาธิการสุขภาพฟิลาเดลเฟีย แถลงว่า ถ้าอัตราการติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดต่อไป ไม่นานโรงพยาบาลจะไม่สามารถรองรับผู้ป่วยเพิ่ม และอาจมีคนตายกว่า 1,000 คน ใน 6 สัปดาห์ข้างหน้า
ที่นิวเจอร์ซีย์ หนึ่งในรัฐที่โควิด-19 ระบาดรุนแรงที่สุดในช่วงแรกๆ ฟิล เมอร์ฟีย์ ผู้ว่าการรัฐ สั่งห้ามการรวมกลุ่มในอาคารระหว่างคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกันเกิน 10 คน ลดลงจากคำสั่งเดิมที่ 25 คน และจำกัดการรวมกลุ่มกลางแจ้งไม่เกิน 150 คน จากเดิม 500 คน
ขณะเดียวกัน เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศใช้ “เบรกฉุกเฉิน” สำหรับแผนการปลดล็อกมาตรการจำกัด โดยอ้างอิงจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่เพิ่มขึ้นสองเท่าตลอด 10 วันที่ผ่านมา
ภายใต้คำประกาศล่าสุดจะมีการยกระดับมาตรการจำกัดทางสังคมและธุรกิจเริ่มตั้งแต่วันอังคาร (17 พ.ย.) ใน 40 จาก 58 เทศมณฑล ครอบคลุมประชาชนส่วนใหญ่จากทั้งหมด 40 ล้านคน
มาตรการจำกัดใหม่จะห้ามร้านอาหารและบาร์ให้บริการภายในร้าน และเพิ่มข้อจำกัดธุรกิจอื่นๆ รวมทั้งการรวมกลุ่มในที่สาธารณะ แคลิฟอร์เนียยังแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากเมื่ออยู่นอกบ้านโดยไม่มีข้อยกเว้น
ที่โอไฮโอที่มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น 17% และผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขออกคำส่งจำกัดการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ตั้งแต่วันอังคาร
มาตรการสกัดไวรัสเหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่ 40 รัฐในอเมริการายงานเคสใหม่รายวันเพิ่มขึ้น ทำสถิติในเดือนนี้ ขณะที่ 20 รัฐมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และ 26 รัฐมีผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นสูงสุด ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อเมริกามีผู้ติดเชื้อรายวันกว่า 148,000 คน และเสียชีวิต 1,120 คน