บรรดาผู้สนับสนุนของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ หลายพันคนเดินขบวนผ่านย่านกลางกรุงวอชิงตันในวันเสาร์ (14 พ.ย.) สนับสนุนคำกล่าวหาของเขาที่ปราศจากหลักฐานใดๆ ว่า มีการโกงเลือกตั้ง ในขณะที่ทรัมป์ผลักดันเดินหน้ายื่นคัดค้านทางกฎหมายเป็นชุด หวังลบล้างชัยชนะของว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน
หนึ่งสัปดาห์หลังคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี การยื่นฟ้องร้องในศาลของทรัมป์ มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ ไบเดน ได้รับการแสดงความยินดีจากบรรดาผู้นำโลก และเดินหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐบาล
ในวันศุกร์ (13 พ.ย.) เป็นครั้งแรกที่ทรัมป์ เริ่มส่งเสียงแสดงความสงสัยในอนาคตของตนเอง โดยบอกว่า “เวลาจะให้คำตอบ” ว่าใครจะเป็นผู้ได้ครอบครอบทำเนียบขาว นับตั้งแต่พิธีสาบานตนวันที่ 20 มกราคม เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม พวกผู้สนับสนุนของทรัมป์ ออกมาแสดงพลังกันในวันเสาร์ (14 พ.ย.) โวยวายกล่าวหาว่า มีการโกงเลือกตั้ง ตะโกนคำว่า “หยุดขโมยผลเลือกตั้ง” และ “เราเป็นผู้ชนะ” พวกเขาเดินขบวนจากจัตุรัสฟรีดอม พลาซา ใกล้ทำเนียบขาว ไปยังสำนักงานของศาลสูง ในอาคารรัฐสภา
สมาชิกกลุ่มขวาจัดพราวด์บอยส์ ใส่ชุดดำ บางคนสวมหมวกกันน็อคและเสื้อเกราะพลาสติกเข้าร่วมชุมนุมด้วย ขณะที่กลุ่มฝ่ายซ้ายบางส่วนมีแผนเดินขบวนตอบโต้ แต่ไม่มีรายงานเกี่ยวกับเหตุเผชิญหน้าใหญ่ๆ ใดๆ
ขบวนรถของทรัมป์ขับผ่านฝูงชนไปอย่างช้าๆ ขณะที่เขามุ่งหน้าสู่สนามกอล์ฟของตนเอง ในเมืองสเตอร์ลิง รัฐเวอร์จิเนีย โดยในภาพวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ทรัมป์ สวมหมวกเบสบอลสีแดง โบงมือให้บรรดาผู้สนับสนุนจากภายในรถยนต์ลีมูซีนของประธานาธิบดี
ในขณะที่ฝั่งผู้สนับสนุนทรัมป์เริ่มยกระดับการเดินขบวน อีกด้านหนึ่งทางผู้ชนะอย่าง ไบเดน ได้บอกกับบรรดาผู้สื่อข่าวในเดลาแวร์ ว่าเขาจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใกล้แล้วเสร็จแล้ว
ชัยชนะของไบเดน มีความมั่นคงยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อวันศุกร์ (13 พ.ย.) หลังผลจากสถาบันวิจัยเอดิสัน พบว่า เขาคว้าชัยในจอร์เจีย ส่งผลให้เขามีคณะผู้เลือกตั้งรวมกว่า 306 เสียง มากกว่า 270 เสียง ที่จำเป็นสำหรับการก้าวขึ้นสู่ประธานาธิบดีเป็นอย่างมาก และทิ้งห่างทรัมป์ ที่มี 232 เสียงไปไกล
จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 306 เสียง เทียบเท่ากับเมื่อครั้งที่ทรัมป์ ได้รับชัยชนะเหนือ ฮิลลารี คลินตัน ในศึกเลือกตั้งปี 2016 ซึ่งคราวนั้น ทรัมป์ เรียกมันว่าเป็นชัยชนะที่ถล่มทลาย
ล่าสุด ทรัมป์ ดูเหมือนใกล้ยอมรับว่าเขาจะออกจากทำเนียบขาวในเดือนมกราคม ระหว่างการพูดถึงแนวทางจัดการวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ณ งานกิจกรรมหนึ่ง ซึ่งจัดขึ้นภายในทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (13 พ.ย.) “รัฐบาลชุดนี้จะไม่ล็อกดาวน์ แต่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ใครจะรู้ว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายไหน ผมคิดว่าเวลาจะให้คำตอบ” ทรัมป์กล่าว
ที่ผ่านมา ทรัมป์ ปฏิเสธยอมรับคำพ่ายแพ้ต่อ ไบเดน และอ้างโดยไม่มีหลักฐานใดๆ ว่า เขาถูกปล้นชัยชนะด้วยการโกงการเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่เลือกตั้งประจำรัฐรายงานว่าไม่พบความผิดปกติร้ายแรงใดๆ และการยื่นคัดค้านทางกฎหมายของทรัมป์หลายคดีถูกตีตกในศาลไปแล้ว
เพื่อที่จะได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีเป็นสมัย 2 ทรัมป์จำเป็นต้องลบล้างคะแนนเสียงที่ไบเดน นำอยู่อย่างน้อยๆ 3 รัฐ แต่จนถึงตอนนี้เขาล้มเหลวในการหาหลักฐานใดๆมาประกอบคำกล่าวหาโกงเลือกตั้ง ในขณะที่รัฐต่างๆถูกเส้นตายกำหนดไว้ให้รับรองผลเลือกตั้งและคณะผู้เลือกตั้งในวันที่ 8 ธันวาคม โดยที่คณะผู้เลือกตั้งจะเป็นผู้ลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีใหม่อย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ธันวาคม
การปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ของทรัมป์ส่งผลให้การถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นทางการต้องหยุดชะงัก สำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐฯ (General Services Administration - GSA) ซึ่งมีหน้าที่จัดสรรงบประมาณสำหรับว่าที่ประธานาธิบดี ยังไม่รับรองชัยชนะของไบเดน ทำให้ไบนเดนไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่และทรัพยากรต่างๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การเปลี่ยนผ่านคณะบริหารของทำเนียบขาวเป็นไปอย่างราบรื่น
ไบเดน ซึ่งจะพบปะกับคณะที่ปรึกษา หารือเกี่ยวการเปลี่ยนผ่านที่บ้านพักของเขาในเดลาแวร์ในวันเสาร์ (14 พ.ย.) พยายามกดดันให้เดินหน้ากระบวนการนี้
(ที่มา: รอยเตอร์)